สรุปข่าวประจำ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2564
หุ้นไทยสัปดาห์หน้า : บล.กสิกรไทย คาดดัชนีหุ้นไทยช่วง 8-12 พ.ย. มีแนวรับที่ 1,605 และ 1,595 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,635 และ 1,650 จุด ตามลำดับ ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม
ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) (10 พ.ย.) การปรับน้ำหนักดัชนี MSCI (11 พ.ย.) สถานการณ์โควิด-19 ทิศทางเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงผลประกอบการไตรมาส 3/64 ของบริษัทจดทะเบียน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตและผู้บริโภคเดือนต.ค. ตลอดจนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. ของจีน ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.ของยูโรโซน
คาดบาทอ่อนบางๆ : แบงก์กสิกรไทยประเมินค่าเงินบาทในช่วงสัปดาห์หน้า (8-12 พ.ย.) โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.80-33.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ อ่อนค่าขึ้นเมื่อเทียบกับคาดการณ์เมื่อสัปดาห์ ที่ 32.70-33.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามเป็นปัจจัยเดียวกับที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินเอาไว้ข้างต้น
ทองขึ้นแรง : หลังจากนักลงทุนทั่วโลกได้รับรู้ข้อมูลสำคัญจากธนาคารชั้นนำของโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐและอังกฤษ ส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาขายทองคำ Spot ดอลลาร์สหรัฐ ที่ปิดตลาดช่วงเช้า 7 พ.ย.ของไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้น +26.07 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (+1.45%) ปิดที่ 1,818.12 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เช่นเดียวกับราคาทองไทยในไทย ซึ่ง สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำเมื่อ 6 พ.ย. เพียงครั้งเดียว ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาปิดวันก่อน 200 บาท กำหนดราคาซื้อทองคำแท่ง บาทละ 28,400 ขาย 28,500 บาท ขณะที่ราคาซื้อทองคำรูปพรรณ 27,894.4 บาท และขาย 29,000 บาท โดยมีค่าเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่บาทละ 350 บาท
น้ำมันรอพุ่ง : ภาพรวมตลาดซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าเช้า 7. พ.ย.ในไทย โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดตลาด +2.36 ดอลลาร์/บาร์เรล (+2.99%) ปิดที่ 81.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาซื้อข่ายล่วงหน้าของน้ำมันเบรนท์ ส่งมอบเดือน ก.พ.65 ปิดตลาด +1.81 ดอลลาร์/บาร์เรล (+2.25%) ปิดที่ 82.35 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยทั้ง 2 ตลาด ปรับลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับราคาเมื่อสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังมีโอกาสจะปรับขึ้นในช่วง 2 เดือนสุดท้าย ซึ่งเป็นฤดูหนาวของทางตะวันตก
กักปลัดมท. 14 วัน : นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดฯมหาดไทย ประกาศขอกักตัวเอง 14 วัน และตรวจหาเชื้อต่อไปตามข้อกำหนดของสาธารณสุข หลังจากภริยา คือ นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ปธ.ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ และนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กลายเป็นผู้ติดเชื้อโควิดฯไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ได้ขอให้ทุกคนที่ได้พบกับ นางวันดี ช่วงวันที่ 2-5 พ.ย.ที่ผ่านมา ให้รีบไปตรวจหาเชื้อโควิด19 เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว
โควิดติดคุกพุ่ง : นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้ข้อมูล ณ เย็น 5 พ.ย. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 880 ราย แยกเป็นในเรือนจำสีแดง 699 ราย และในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 181 ราย รักษาหายเพิ่ม 96 ราย ไม่มีรายงานการเสียชีวิตในวันนี้ ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 4,616 ราย (กลุ่มสีเขียว 87.3% สีเหลือง 12.4% และสีแดง 0.3%) โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 70,290 ราย หรือ 91.2% ของผู้ติดเชื้อสะสม 77,052 ราย เสียชีวิตสะสม 170 ราย คิดเป็นอัตรา 0.2% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
ไทยจ่อนำเข้ายาต้านโควิด : นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ย้ำความคืบหน้าการจัดซื้อยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) หรือยาต้านไวรัสโควิด-19 ชนิดเม็ด จากบริษัทไฟเซอร์ โดยได้เชิญทางบริษัทไฟเซอร์ ประเทศไทยมาหารือร่วมกันเมื่อ 2 เดือนก่อน โดยได้ต้องเซ็นเอกสารไม่เปิดเผยข้อมูล ซึ่งได้เซ็นไปแล้ว หลังจากนี้ก็จะติดตามเป็นระยะ ซึ่งข้อมูลขณะนี้ ยังไม่ได้กำหนดว่าจะขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯเมื่อไหร่ แต่พร้อมจะใช้คู่กับยาโมลนูพิราเวียร์
สุนทรพจน์อัปยศ : นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย เจ้าของเพจทูตนอกแถว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก วิจารณ์สปีชของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการประชุม COP26 ที่สกอตแลนด์ ว่าเป็นสุนทรพจน์อัปยศเพราะไปลอกคำพูดผู้นำโลกคนอื่นมา และที่บอกว่าเป็นเรื่องปกติใครๆ ก็ทำกันนั้น อันนี้คือการแถแบบหน้าด้านๆ การไปยกคำพูดคนอื่นมานั้น จะต้องบอกกล่าวที่มาที่ไปว่าใครเป็นคนพูดก่อน ไม่ใช่ไปเที่ยวยกมาพูดเองดื้อๆ แบบนั้นคือการลอก การขโมย ซึ่งถือเป็นสิ่งที่น่าอายมาก คาดคนนอกแทรกแซง เพราะไม่ใช่ฝีมือ ขรก.ก.ต่างประเทศ
อย่าดูถูกคนอีสาน : น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุกรณีมีการพูดคุยในคลับเฮาส์ ในเชิงดูถูก เหยียดหยาม ด้อยค่าพี่น้องประชาชนขาวอีสาน ว่า ในฐานะพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนมากที่สุด เตรียมยื่นหนังสือต่อกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและสืบสวนข้อเท็จจริงในการแสดงความคิดเห็นที่มีความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งภายในประเทศป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาลุกลามบานปลายต่อไป