ชาวบ้านเฮ!! “กอนช.” ลดปล่อยน้ำท้ายเขื่อน
กอนช. มุ่งลดผลกระทบท้ายน้ำตามบัญชา “บิ๊กป้อม” โดยเร็วเขื่อนแควน้อยฯ-ป่าสักฯ ลดการระบายต่อเนื่อง
รองนายกฯประวิตร สั่งการ กอนช. ประเมินอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ยังกักเก็บน้ำได้เพิ่มเติมโดยไม่กระทบความมั่นคงของอ่างฯและปรับลดการระบายน้ำเขื่อนแควน้อยฯ เหลือ 4.2 ล้าน ลบ.ม./วัน และเขื่อนป่าสักฯ 30 ล้าน ลบ.ม./วัน เพื่อลดปริมาณน้ำ
ในลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า แม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่จะเริ่มคลี่คลายกลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมอีก 17 จังหวัด ได้แก่ ลําพูน ขอนแก่น หนองบัวลําภู บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี ลพบุรี ชัยภูมิ นครราชสีมา ศรีสะเกษ นครปฐม มหาสารคาม สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และสุราษฏร์ธานี โดย พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ กอนช. ได้สั่งการให้กรมชลประทานเร่งประเมินสถานการณ์และพิจารณาปรับลดการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ซึ่งยังสามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มเติมโดยไม่กระทบความมั่นคงของอ่างฯ เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้
ในช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึงนี้ และลดผลกระทบพื้นที่ด้านท้ายน้ำ โดยขณะนี้มีการปรับลดการระบายน้ำจากอ่างฯ ลงแล้ว ได้แก่ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ปรับลดการระบายน้ำลงเหลือ 4.2 ล้าน ลบ.ม/วัน เพื่อลดปริมาณน้ำไหลลงแม่น้ำแควน้อย ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปรับลดการระบายน้ำลงเหลือ 30 ล้าน ลบ.ม./วัน และจะทยอยปรับลดการระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำท่วมขังในพื้นที่ตั้งแต่ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา ลดลงตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาปรับลดการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น เขื่อนกระเสียว เขื่อนทับเสลา ฯลฯ
สำหรับสถานการณ์ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากการตรวจวัดปริมาณน้ำไหลผ่านในแม่น้ำเจ้าพระยาและเขื่อนเจ้าพระยา พบว่ามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้ (31 ต.ค. 64) ที่แม่น้ำเจ้าพระยา ณ สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,313 ลบ.ม./วินาที จากปริมาณน้ำวานนี้ 2,366 ลบ.ม./วินาที เช่นเดียวกับที่เขื่อนเจ้าพระยา สถานี C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาทมีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,357 ลบ.ม./วินาที จากปริมาณน้ำวานนี้ 2,424 ลบ.ม./วินาที นอกจากนี้ ในช่วงวันที่ 3-5 พ.ย. 64 จะมีการปรับลดการระบายน้ำสู่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลง จากอัตรา 2,000 ลบ.ม./วินาที เหลือ 1,500 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะช่วยให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนลดลงอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี
ดร.สุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในระยะนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝนของภาคใต้แล้ว โดยพบว่า ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ส่งผลภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ซึ่งปริมาณฝนตกหนักสะสม ในช่วง 1- 2 วันนี้ อาจส่งผลให้เกิดน้ำหลากได้ในบริเวณ จ.นครศรีธรรมราช สงขลา ยะลา และนราธิวาส โดย กอนช. ได้มีการติดตามข้อมูลสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อแจ้งเตือนสถานการณ์และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลประชาชนในพื้นที่
ให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด