ชี้เศรษฐกิจปีนี้ไม่หมูแต่โอกาสยังเปิดกว้าง
รองฯ สมคิดชี้ ไทยมีเวลาไม่มาก ต้องอิง 2 ปีนี้ให้แน่น เผยเศรษฐกิจปีหมูไม่หมู เหตุผันผวนสูง แต่โอกาสยังเปิดกว้าง ชี้หลังเลือกตั้งทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ตัดทิ้งเกมการเมือง
Thailand Economic Challenges 2019 งานสัมมนาที่เครือ นสพ.ผู้จัดการ ร่วมกับธนาคารกรุงไทย จัดขึ้น ณ ห้องแกรนด์ ฮอลล์โรงแรมดิ แอทธนี โฮเทล แบงค็อก เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 62
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่าเศรษฐกิจปีนี้ ค่อนข้างผันผวน มีความไม่แน่นอนสูง ทั้งจากปัจจัยภายในและนอกประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาคเอกชนไม่ชอบ เพราะยากต่อการคาดเดา
แม้ปัจจัยนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนเศรษฐกิจยุโรปที่อ่อนแอ และปัญหาอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกทั่วโลก และไทยก็ได้รับผลกระทบเหมือนกับประเทศที่พึ่งพาการส่งออกอื่นๆ แต่ปัจจัยภายในประเทศที่เราควบคุมได้ คนไทยต้องร่วมมือและช่วยกัน
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนและญี่ปุ่นหันมาร่วมมือทางเศรษฐกิจมากขึ้น และพยายามขยายการลงทุนไปยังนอกประเทศ ตามนโยบาย “วันเบลท์วันโรด” โดยมีไทยเป็นเป้าหมาย ด้วยเหตุผลที่ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาวพม่า เวียดนาม) อีกทั้งไทยยังมีอัตรการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี และตัวเลขแมคโครที่ไม่มีอะไรเสียหาย
“หลังการเลือกตั้ง เราจะมีรัฐบาลใหม่ หลายฝ่ายกำลังจับตาดูว่าจะขับเคลื่อยนโยบายบริหารประเทศในทิศทางใด หน้าที่ของรัฐบาลชุดนี้พยายามประคองเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน พร้อมกับวางโครงสร้างในทุกๆ ด้าน ผ่านการปฏิรูปอย่างจริงจัง เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับความเปลี่ยนแปลงและผลกระทบจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ”
ดร.สมคิด กล่าวอีกว่า รัฐบาลพยายามสร้างความเชื่อมโยงในด้านงบประมาณ โดยเฉพาะงบประมาณท้องถิ่นเกือบ 6 แสนล้านต่อปี จะต้องสอดประสานกับนโยบายรัฐบาลที่จะเน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เพื่อสร้างและกระจายโอกาสไปสู่ทุกภาคส่วนให้มากที่สุด โดยเฉพาะเกษตรกรและการท่องเที่ยวเมืองรอง
นอกจากนี้ นโยบายส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย สู่ความเป็น “ดิจิทัล อีโคโนมี” การสร้างสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ รวมถึงการขับเคลื่อนโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งรัฐบาลได้ทุ่มเทสรรพกำลังในทุกมิติ เพื่อสร้างโครงการขนาดใหญ่รองรับการลงทุนจากทั้งและนอกประเทศ ทั้งหมดเป็นสำคัญและจำเป็นที่จะต้องได้รับการสานต่อจากรัฐบาลใหม่
“เรามีเวลาไม่มากนัก หากในปีนี้และปีหน้า ไม่มีการวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและลงทุนในโครงการขนาดใหญ่อย่างมีเป้าหมายและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เราอาจสูญเสียโอกาสไปแบบไม่มีวันย้อนกลับมาได้อีก การลงทุนจากต่างประเทศ ทั้งจากจีนและญี่ปุ่นรวมถึงต่างชาติอื่นๆ แม้กระทั่งนักลงทุนไทยเอง ก็จะหันหัวไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะคู่แข่งสำคัญ อย่างมาเลเซียและเวียดนาม ดังนั้น รัฐบาลใหม่และคนไทยทุกคน จึงต้องร่วมมือกัน ตัดการเมืองออกไป เพื่อสร้างโอกาสและความเข้มแข็งที่ยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจไทย” ดร.สมคิด ย้ำ.