กอช. มอบรางวัลส่งเสริมการออมยอดเยี่ยมปี’64
“อาคม” นำทีม กอช. มอบรางวัลส่งเสริมการออมยอดเยี่ยมปี’64 พร้อมขอบคุณเครือข่ายส่งเสริมการออม หวังเดินหน้าส่งเสริมแรงงานนอกระบบเข้าถึงการออม พ่วงสร้างความรู้ทางการเงินให้สมาชิก โดยการบูรณาการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า ด้วยแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561– 2580) ในยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม เพื่อให้ประเทศไทยมีระบบการออมที่เข้มแข็ง โดยเตรียมความพร้อมในทุกมิติ ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะการส่งเสริมการออมและการลงทุนระยะยาวของประชาชน เพื่อสร้างหลักประกันและความมั่นคงในการดำรงชีวิตยามชราภาพให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม
โดยเฉพาะ ประชากรภาคแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศที่เป็นแรงงานนอกระบบ จึงทำให้บุคคลเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะตกอยู่ในความยากจนในวัยสูงอายุอันเนื่องมาจากไม่มีช่องทางหรือโอกาสเข้าถึงระบบการออมเงินในขณะที่อยู่ในวัยทำงาน เพื่อสร้างความมั่นคงในบั้นปลายของชีวิต ตลอดจนเพื่อเป็นการสร้างวินัยในการออมของประชาชนคนไทยในวัยทำงาน กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) จึงเป็นช่องทางการออมขั้นพื้นฐานให้แก่ผู้ที่ยังไม่ได้รับความคุ้มครองเพื่อการชราภาพให้ได้รับผลประโยชน์ในรูปบำนาญ อันเป็นการสร้างความเท่าเทียมและความเป็นธรรมในการดูแลจากภาครัฐ
“รัฐบาลได้กำหนดให้การออมเป็นวาระแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรีอยากให้คนไทยทุกช่วงวัย เห็นคุณค่าของการออม ซึ่งถือเป็นการวางแผนชีวิตในระยะยาวสำหรับทุกคน เพื่อสร้างหลักประกันด้านรายได้ มีเงินพอใช้ในการดำเนินชีวิตในช่วงสูงอายุ และยามจำเป็น แม้เวลานี้เราจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รายได้ลดลง ก็ขอให้คำนึงถึงการออมเพื่อบั้นปลายชีวิตด้วย กอช. เป็นอีกหนึ่งกลไกที่ช่วยสร้างวินัยการเงินกับเยาวชนและประชาชนทั่วไปที่ให้ผลตอบแทนที่ดีมาก และเป็นหน่วยงานที่มีความมั่นคงทางการเงิน” รมว.คลัง ระบุ
ทั้งนี้ ภาครัฐมีนโยบายเตรียมความพร้อมให้กับประชาชน โดย ครม. มีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณา เรื่อง ความรอบรู้ทางการเงินของประชาชนไทย (Financial Literacy) ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นด้วยในหลักการของรายงานการพิจารณาศึกษาดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้ความรอบรู้ทางการเงินของประชาชนเป็นวาระแห่งชาติ และการจัดทำแผนแม่บทส่งเสริมความรอบรู้ทางการเงินของประเทศไทย และนำข้อเสนอแนะตามรายงานดังกล่าวมาใช้ในการร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาทักษะทางการเงิน
ครอบคลุมตั้งแต่การสร้างความตระหนักรู้และเพิ่มทักษะทางการเงินให้กับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย ไปจนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการพัฒนาทักษะทางการเงินของผู้ให้การพัฒนาความรู้และทักษะทางการเงิน เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ด้านการพัฒนาทักษะทางการเงินที่ทุกภาคส่วนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการพัฒนาทักษะทางการเงินให้กับประชาชน
โดยในปี 2564 กอช. ได้มุ่งพัฒนาความยั่งยืนผ่านการสร้างวินัยการออมให้ประชาชน อันเป็นปัจจัยของความสําเร็จ และเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศ และสร้างหลักประกันเงินออมไว้ใช้ในยามชราภาพ ควบคู่กับการพัฒนาทักษะความรอบรู้ทางการเงินให้กับประชาชน สมาชิก และตัวแทน กอช. ผ่านโครงการการขับเคลื่อนและส่งเสริมวินัยการออม โดยผนึกกำลังกับหน่วยงานเครือข่ายความร่วมมือทั่วประเทศในการประชาสัมพันธ์ ให้ข้อมูล ความรู้ และรับสมัครสมาชิก ทั้งในเขตชุมชนเมือง และชุมชนส่วนภูมิภาค ผ่านช่องทาง และเครื่องมือสร้างการเรียนรู้ต่างๆ โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนไทยที่มีอายุระหว่าง 15 – 60 ปี เป็นที่เป็นแรงงานนอกระบบ และยังไม่มีสวัสดิการอื่นใดรองรับ สามารถมีบำนาญใช้ในยามเกษียณเหมือนข้าราชการ และแรงงานในระบบ จากเงินออมสะสมของตนเองส่วนหนึ่ง เงินที่รัฐสมทบเพิ่มให้ตามช่วงอายุอีกส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ การออมเงินกับ กอช. มีความคุ้มครองผลตอบแทนการลงทุนไม่ต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ และเงินออมสะสมสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเต็มจำนวน
เนื่องในวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี ถือเป็น “วันออมแห่งชาติ” ซึ่งการสร้างเสริมวินัยการออมให้กับประชาชน ถือเป็นหนึ่งในเรื่องหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพื่อผลักดันให้ กอช. เป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากภารกิจหลักของ กอช. คือการส่งเสริม และสร้างวินัยการออมให้กับประชาชนทุกคนที่ประกอบอาชีพอิสระ เข้าสู่การออมเงินเพื่อการชราภาพอย่างเป็นระบบกับ กอช. พร้อมได้รับสิทธิประโยชน์ในการเป็นสมาชิก กอช. เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และก้าวสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างมีคุณภาพ
ในปีนี้ กอช. ได้จัดให้มีการมอบรางวัลเกียรติยศแก่หน่วยงานความร่วมมือสนับสนุนส่งเสริมการออม และรางวัลผลงานส่งเสริมการออมยอดเยี่ยมแก่องค์กร หน่วยงาน และระดับจังหวัดที่ดำเนินการประชาสัมพันธ์ พร้อมขับเคลื่อนการเพิ่มจำนวนสมาชิก กอช. ดีเด่น ในช่วงเดือนมกราคม – กันยายน 2564 เป็นต้นมา และเพื่อเป็นเกียรติแก่หน่วยงานความร่วมมือที่มีการส่งเสริมวินัยการออมกับ กอช. ยอดเยี่ยม ที่ได้ร่วมกันส่งเสริม และสนับสนุนให้ประชาชนมีวินัยในการออมเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณกับ กอช.
ด้าน นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะ ประธานกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ กล่าวว่า กอช. มีจุดมุ่งหมายสำคัญในการส่งเสริมการออมเพื่อการดำรงชีพในยามชราของประชาชนให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ซึ่งสอดรับตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม กอช. จึงได้ดำเนินกิจกรรมสร้างเสริมวินัยการออมและแนะนาการวางแผนทางการเงินขั้นพื้นฐานให้กับประชาชน เพื่อลดช่องว่าง ความเหลื่อมล้ำ และเสริมสร้างโอกาสในการเข้าถึงระบบการออม โดย กอช. อาศัยการสร้างภาคีเครือข่ายที่หลากหลายเป็นช่องทางในการขยายจำนวนสมาชิกให้เพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบัน กอช. มีจำนวนสมาชิกกว่า 2,450,000 คน (ยอดสมาชิก ณ วันที่ 30 กันยายน 2564) โดยสมาชิกส่วนใหญ่เกือบครึ่งเป็นเกษตรกร และอีกเกือบครึ่งประกอบอาชีพค้าขาย รับจ้างทั่วไป ประกอบอาชีพอิสระ โดยมีอีกส่วนหนึ่งเป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา และอีกส่วนหนึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชน
ทั้งนี้ กอช. มุ่งมั่นที่จะขยายจำนวนสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ในช่วงที่ผ่านมา กอช. ได้บูรณาการร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และเครื่องมือ E-Learning ที่ทันสมัยก้าวทันวิถีชีวิต แนวใหม่ (New normal) โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการออมตั้งแต่วัยนักเรียน
เนื่องในโอกาสวันออมแห่งชาติ กอช. จึงได้จัดงานมอบรางวัลส่งเสริมการออมกับ กอช. ยอดเยี่ยม ประจำปี 2564 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ แสดงความชื่นชม และขอบคุณหน่วยงาน จังหวัด และบุคคลเครือข่ายที่ได้ร่วมแรงร่วมใจให้ความร่วมมือสนับสนุนและส่งเสริมการออมโดยเป็นที่ประจักษ์ จำนวน 33 รางวัล โดยแบ่งเป็น
1. ประเภทรางวัลเกียรติยศ 14 รางวัล ได้แก่
1.1 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
1.2 กองทัพเรือ
1.3 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
1.4 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
1.5 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย
1.6 กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
1.7 กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
1.8 บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
1.9 บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
1.10 บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน)
1.11 บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน)
1.12 บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด
1.13 บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน)
1.14 บริษัท พันธ์ทวี คอร์ปอเรชั่น จำกัด
2. ประเภทรางวัลระดับจังหวัด 12 รางวัล รายละเอียดดังนี้
2.1 รางวัลยอดสมาชิกสูงสุดระดับจังหวัดประจำปี 2564 ตามภูมิภาค จำนวน 6 รางวัล
2.1.1 จังหวัดส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม (ภาคเหนือ) ได้แก่ จังหวัดเชียงราย
2.1.2 จังหวัดส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม (ภาคกลาง) ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์
2.1.3 จังหวัดส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม (ภาคใต้) ได้แก่ จังหวัดพัทลุง
2.1.4 จังหวัดส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี
2.1.5 จังหวัดส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม (ภาคตะวันตก) ได้แก่ จังหวัดตาก
2.1.6 จังหวัดส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม (ภาคตะวันออก) ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา
2.2 รางวัลจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานการส่งเสริมวินัยการออมดีเด่นที่มีสมาชิกเพิ่มขึ้น จากเป้าหมายสูงสุด ประจำปี 2564 ตามภูมิภาค จำนวน 6 รางวัล
2.2.1 จังหวัดส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม (ภาคเหนือ) ได้แก่ จังหวัดเชียงราย
2.2.2 จังหวัดส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม (ภาคกลาง) ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี
2.2.3 จังหวัดส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม (ภาคใต้) ได้แก่ จังหวัดระนอง
2.2.4 จังหวัดส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี
2.2.5 จังหวัดส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม (ภาคตะวันตก) ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
2.2.6 จังหวัดส่งเสริมการออมยอดเยี่ยม (ภาคตะวันออก) ได้แก่ จังหวัดตราด
3. รางวัลระดับเครือข่ายผลการดำเนินงานประจำปี 2564 ให้แก่บุคคลหรือเครือข่ายความร่วมมือที่ให้การร่วมมือสนับสนุนส่งเสริมการเพิ่มจำนวนสมาชิก จำนวน 7 รางวัล รายละเอียดดังนี้
3.1 รางวัลมอบให้กับหน่วยบริการสมาชิก จำนวน 4 รางวัล
3.1.1 รางวัลคลังจังหวัดที่ส่งเสริมการออมดีเด่น ได้แก่ สำนักงานคลังจังหวัดตราด
3.1.2 รางวัลเสมียนตราอำเภอส่งเสริมการออมดีเด่น ได้แก่ เสมียนตราอำเภอโกสุมพิสัย อำเภอโกสุมพิสัย จ. มหาสารคาม
3.1.3 รางวัลสหกรณ์ส่งเสริมการออมดีเด่น ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรเต่างอย จำกัด จังหวัดสกลนคร
3.1.4 รางวัลสถาบันการเงินชุมชนส่งเสริมการออมดีเด่น ได้แก่ สถาบันการเงินชุมชนต้นแบบองทุนชุมชนบ้านถนนหัก จ. บุรีรัมย์
3.2 รางวัลมอบให้กับบุคคลที่เป็นเครือข่ายส่งเสริมการออม จำนวน 3 รางวัล
3.2.1 รางวัลตัวแทน กอช. ประจำหมู่บ้านที่ส่งเสริมการออมดีเด่น ได้แก่ นางเอื้องไพร หน่อแก้ว ตัวแทน กอช ประจำหมู่บ้าน ต.ยางคราม อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่
3.2.2 รางวัลกำนันส่งเสริมการออมดีเด่น ได้แก่ นางมลฤชา พุ่มโพธิ์ กำนัน ตำบลสำโรงเหนืออำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
3.2.3 รางวัลผู้ใหญ่บ้านส่งเสริมการออมดีเด่น ได้แก่ นางณัฐนันท์ เฉียบแหลมกุลวัต ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 ตำบลกระทุ่มราย อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา
น.ส.จารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการ กอช. กล่าวเสริมว่า ในปี 2564 นี้ กอช. ได้ปรับดำเนินงานให้เข้ากับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ในรูปแบบวิถีใหม่ (New Normal) เน้นการส่งเสริมการให้ความรู้ การวางแผนทางการเงินในรูปแบบออนไลน์ หรือ ระบบการประชุมทางไกล (VDO Conference) ให้กับสมาชิก กลุ่มภาคีเครือข่าย ตัวแทน กอช. ประจำหมู่บ้าน
ด้วยสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) คลี่คลายกลับมาสู่สภาวะปกติ กอช. ได้เตรียม การวางแผนงานลงพื้นสร้างการตระหนักรู้การวางแผนทางการเงินให้ประชาชน และสมาชิกเพิ่มมากขึ้น พร้อมพบปะสมาชิกตามเป้าหมายวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานของ กอช. ในพื้นที่จังหวัด
โดย การออมเงินกับ กอช. เปิดให้สมาชิกออมเงินได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี ถึง อายุ 60 ปี โดยสามารถส่งเงินออมสะสมตั้งแต่ 50 บาท สูงสุด 13,200 บาทต่อปี รัฐจะจ่ายเงินสมทบให้ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปตามช่วงอายุของสมาชิก พร้อมรับสิทธิประโยชน์ 3 ต่อในการเป็นสมาชิก ดังนี้
ต่อที่ 1 รับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐ ตามช่วงอายุของสมาชิก
• ช่วงอายุ 15 – 30 ปี รัฐสมทบให้ 50% ของเงินออมแต่ละครั้ง โดยรวมกันทั้งปีไม่เกิน 600 บาท
• ช่วงอายุ >30 – 50 ปี รัฐสมทบให้ 80% ของเงินออมแต่ละครั้งโดยรวมกันทั้งปีไม่เกิน 960 บาท
• ช่วงอายุ >50 – 60 ปี รัฐสมทบให้ 100% ของเงินออมแต่ละครั้ง โดยรวมกันทั้งปีไม่เกิน 1,200 บาท
ต่อที่ 2 รัฐบาลคุ้มครองผลตอบแทนเงินออมสะสม เมื่อสมาชิกออมครบอายุ 60 ปี
ต่อที่ 3 ลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวนเงินออมสะสม
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสมัครสมาชิกและส่งเงินออมสะสม กอช. ได้ใกล้บ้าน โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนใบเดียว ในการตรวจสอบสิทธิก่อนการสมัครได้ที่แอปพลิเคชัน “กอช” หรือที่เว็บไซต์ กอช. (www.nsf.or.th) หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ทุกสาขา ที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ สำนักงานคลังจังหวัด ตัวแทน กอช. ประจำหมู่บ้าน สถาบันการเงินชุมชน 127 แห่ง ไปรษณีย์ไทย เคาน์เตอร์เซอร์วิส เทสโก้โลตัส บิ๊กซี ตู้บุญเติม แกร็บ และเครือข่ายรับสมัครทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนเงินออม โทร. 02-049-9000.
.