สอน.ประเมินราคาอ้อยขั้นต้น 680 บาทต่อตัน
สอน. ประเมินราคาอ้อยขั้นต้นฯ ฤดูการผลิตปี 2561/2562 เฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 680 บาทต่อตันอ้อย เตรียมหารือร่วมกับโรงงานน้ำตาลและสมาคมธนาคารไทยในสัปดาห์หน้า ก่อนเสนอครม.เห็นชอบต่อไป
นางวรวรรณ ชิตอรุณ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย อยู่ระหว่างการคำนวณราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิต ปี 2561/2562 ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการบริหาร (กบ.) ไปแล้ว โดยในเบื้องต้นราคาอ้อยขั้นต้นเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 680 บาทต่อตัน ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายเสนอ
สำหรับขั้นตอนต่อไปจะนำตัวเลขดังกล่าวเข้าสู่ขั้นตอนการจัดทำประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นหรือข้อคัดค้านจากผู้แทนชาวไร่อ้อยและผู้แทนโรงงานน้ำตาลทราย ต่อราคาอ้อยขั้นต้นฯ ฤดูการผลิตปี 2561/2562 ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและนำตาลทราย พ.ศ.2527 ก่อนนำเสนอคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) พิจารณาเห็นชอบในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ แล้วเสนอความเห็นต่อไปยังคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ก่อนที่จะประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา ตามมาตรา 52 และ 53 แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและนำตาลทราย พ.ศ.2527
“ราคาอ้อยขั้นต้นฯ ฤดูการผลิต ปี 2561/2562 ที่ 680 บาทต่อตันอ้อยนี้ เป็นตัวเลขที่สำนักงาน ได้ประเมินไว้ตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกับที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้รายงานต่อคณะรัฐมนตรี ในการกำหนดมาตรการการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย ที่ได้รับผลกระทบจากทั้งด้านราคาที่ตกต่ำ ภายใต้การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมระบบใหม่ ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2561 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต เพื่อนำมาช่วยเหลือชาวไร่อ้อยด้านปัจจัยการผลิตที่จำเป็นสำหรับชาวไร่อ้อยรายเล็ก โดยจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นชาวไร่อ้อยกับสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และเป็นคู่สัญญากับโรงงานหรือมีการส่งอ้อยผ่านหัวหน้ากลุ่มชาวไร่อ้อย ที่ได้จดทะเบียนถูกต้อง ตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 ตามจำนวนตันอ้อยที่เกษตรกรได้ส่งให้กับโรงงานคู่สัญญาหรือหัวหน้ากลุ่ม โดยในเบื้องต้นกำหนดความช่วยเหลืออยู่ที่ไม่เกิน 50 บาทต่อตันอ้อย แต่จะมีการกำหนดปริมาณตันอ้อยสูงสุดที่จะได้รับเงินช่วยเหลือไม่เกินรายละ 5,000 ตันอ้อย ตามจำนวนที่จ่ายจริงไม่เกินวงเงิน 6,500 ล้านบาท”
เลขาธิการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ เมื่อรวมกับแนวทางการให้ความช่วยเหลือและความร่วมมือ จากโรงงานน้ำตาลที่จะจ่ายเงินล่วงหน้าบางส่วนให้เกษตรกรไปก่อน ในเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเพิ่มเติมอีกประมาณ 60 บาทต่อตันอ้อย จากเดิมที่เคยคำนวณไว้ที่ 70 บาท แต่เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำตาลตลาดโลกได้ขยับราคาขึ้นมาเล็กน้อย
ทั้งนี้ สำนักงาน จะหารือร่วมกับโรงงานน้ำตาลและสมาคมธนาคารไทยในสัปดาห์หน้า ซึ่งจากการคำนวณราคาอ้อยขั้นต้นที่ 680 บาท รวมกับเงินช่วยเหลือจากทั้งสองแนวทางดังกล่าว และเมื่อรวมกับค่าส่วนเพิ่มจากคุณภาพอ้อยที่เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย เกษตรกรชาวไร่อ้อยจะได้รับราคาอ้อยประมาณ 880-900 บาทต่อตันอ้อย ที่ค่าความหวานเฉลี่ยประมาณ 12.30 ซี.ซี.เอส จะเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ชาวไร่อ้อยอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือดังกล่าว ไม่ขัดต่อพันธกรณีภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) เนื่องจากเป็นการอุดหนุนด้านปัจจัยการผลิต (Input Subsidies) ถือเป็นการอุดหนุนภายในที่ยกเว้นสำหรับประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งรัฐสามารถดำเนินการได้