ยสท.หวั่นบุหรี่เถื่อนทะลัก ย้ำ! ยังไม่ปรับราคาหลัง 1 ต.ค.นี้
ผู้ว่าการ ยสท. ห่วงบุหรี่เถื่อนทะลัก! หลังรัฐปรับโครงสร้างภาษีใหม่ เชื่อ! กระทบยอดขายบุหรี่ และรายได้ของเกษตรกรใบยาสูบแน่ เผย! การสร้าง “ไฟท์ติ้งแบรนด์” และปรับเพิ่มราคาใหม่ ต้องรอ “บอร์ดฯ” เคาะก่อน มั่นใจ! ระหว่างนี้ ช่วยสกัดแก๊งกักตุนบุหรี่ หวังปรับขึ้นราคาขายหลัง 1 ต.ค.นี้ ได้แน่
นายภาณุพล รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) กล่าวถึงการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่ 2 อัตรา สำหรับบุหรี่ราคาไม่เกินซองละ 60 บาท ที่กรมสรรพสามิตจะเก็บภาษีฯ 20% และบุหรี่ที่มีราคาเกินกว่าซองละ 60 บาท จดเก็บภาษีฯ 40% โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ว่า จะส่งผลกระทบต่อราคาจำหน่ายอย่างแน่นอน และขณะนี้ พบว่า เริ่มมีการกักตุนบุหรี่กันไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ ยสท.เอง ยังต้องรอการประชุมบอร์ด ยสท. เสียก่อน ว่าจะอนุมัติให้มีการปรับขึ้นราคาหรือไม่? อย่างไร? แต่มีแนวโน้มว่าจะต้องปรับราคาขึ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่ตอบไม่ได้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่
อย่างไรก็ตาม การที่ ยสท.ยังไม่ปรับขึ้นราคาบุหรี่หลังวันที่ 1 ตุลาคม จะช่วยพยุงราคาจำหน่ายบุหรี่ที่มีการวางแผนจะขึ้นราคาจากกลุ่มร้านค้าได้ในระยะหนึ่ง แต่ปัญหาที่ ยสท.เป็นห่วงมากที่สุด คือ การลักลอบขนบุหรี่เถื่อนเข้ามาในประเทศ จะต้องมีเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน แม้ว่าคณะทำงานที่ดูแลป้องกันและปราบปราม ซึ่งบูรณาการร่วมกันหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร ตำรวจ ทหาร ฯลฯ จะมีความเข้มแข็งในการสกัดจับการลักลอบขนบุหรี่ กระทั่งสามารถจับกุมได้เป็นจำนวนมากและต่อเนื่อง แต่เพราะแรงจูงใจจากส่วนต่างของราคาบุหรี่หลังปรับภาษีกับบุหรี่เถื่อนมีสูงมาก จึงกังวลใจว่าหลังจากนี้จะมีบุหรี่เถื่อนไหลทะลักเข้ามาในประเทศอย่างแน่นอน
ส่วนการออกผลิตภัณฑ์บุหรี่ใหม่ในลักษณะ “ไฟท์ติ้งแบรนด์” เพื่อทำให้ราคาจำหน่ายต่ำกว่าคู่แข่งขัน โดยหลักการจะต้องได้รับการอนุมัติจากบอร์ด ยสท.เสียก่อน ขณะเดียวกัน ก็ต้องประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณะสุขและกลุ่มเอ็นจีโอ เพื่อไม่ให้ต่อต้าน “ไฟท์ติ้งแบรนด์” ที่จะต้องยกเหตุผลมาเพื่อสู้กับบุหรี่นำเข้า รวมถึงบุหรี่เถื่อน และการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ
“แม้ปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดของ ยสท.ยังมีสูงถึงเกือบ 60% จากมียอดขายแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 1.8 หมื่นล้านมวน ขณะที่ยอดสูบบุหรี่ทั้งระบบทั่งที่ถูกและไม่ถูกกฎหมายมีราว 2.5 หมื่นล้านมวน ซึ่งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดฯ ก็ไม่มีผลต่อยอดขายมากนัก เพราะลดลงไปแค่ 5-6% แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ปัญหาความอยู่รอดของเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ ที่จะได้รับผลกระทบทางอ้อม ทั้งจากอัตราภาษีใหม่และการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อน เพราะหากยอดใบบุหรี่ตก ย่อมกระทบต่อการรับซื้อใบยาสูบอย่างแน่นอน” ผู้ว่าการ ยสท. ย้ำ.