สรุปข่าวประจำ วันที่ 19 กันยายน 2564
หุ้นไทยสัปดาห์หน้า : บล.กสิกรไทย คาดดัชนีหุ้นไทยช่วง 20-24 ก.ย.มีแนวรับที่ 1,600 และ 1,580 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,635 และ 1,645 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (21-22 ก.ย.) สถานการณ์โควิด ประเด็นการเมืองไทย ตัวเลขส่งออกเดือนส.ค.ของไทย ทิศทางเงินลงทุนจากต่างประเทศ ตลอดจนประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ของจีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านใหม่และบ้านมือสองเดือนส.ค. รวมถึงดัชนี PMI เดือนก.ย. (เบื้องต้น) ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOJ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนก.ย. ของจีน ตลอนจนดัชนี PMI เดือนก.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซนและญี่ปุ่น
ค่าบาทสัปดาห์หน้า : แบงก์กสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทช่วง สัปดาห์หน้า (20-24 ก.ย.) มีกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.70-33.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามเช่นเดียวกับปัจจัยหุ้นด้านบน รวมถึงการติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น ธนาคารกลางอังกฤษ การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของธนาคารกลางจีน และข้อมูล PMI (เบื้องต้น) เดือนก.ย. ของสหรัฐฯ ยูโรโซน และอังกฤษ
ทองไทยลงสวนโลก : ราคาขายทองคำ Spot ดอลลาร์สหรัฐ ที่ปิดตลาดช่วงเช้า 19 ก.ย.ของไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้น +1.17 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (+0.07%) ปิดที่ 1,754.97 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ ราคาทองไทยในไทย สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำเมื่อ 18 ก.ย. เพียงครั้งเดียว ปรับลดลงจากราคาปิดวันก่อน -100 บาท กำหนดราคาซื้อทองคำแท่ง บาทละ 27,600 บาท ขาย 27,700 บาท ขณะที่ราคาซื้อทองคำรูปพรรณ 27,106.08 บาท และขาย 28,200 บาท
น้ำมันดิบขยับลง : ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้ายังอยู่ในโหมดทะยานตัวต่อเนื่อง โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน ต.ค.เช้านี้ (19 ก.ย.) ปิดตลาด -0.59ดอลลาร์/บาร์เรล (-0.81%) ปิดที่ 71.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาซื้อข่ายล่วงหน้าของน้ำมันเบรนท์ ส่งมอบเดือน พ.ย. ปิดตลาด -0.36 ดอลลาร์/บาร์เรล (-0.48%) ก็ปิดที่ 75.31 ดอลลาร์/บาร์เรล แม้ราคาจะลดลงแต่ค่าเฉลี่ยยังสูงกว่าสัปดาห์ก่อน ขณะที่ราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จในรูปในไทยได้ปรับขึ้นไป 1 วันก่อนหน้านี้แล้ว
ระวังมิจฉาชีพ : รพ.จุฬาภรณ์ โพสต์เฟซบุ๊กเตือนประชาชนให้ระวังกรณีมีกลุ่มมิจฉาชีพนำตราสัญลักษณ์ไปสร้างเฟซบุ๊ก-ไลน์ปลอม หลอกขายและให้โอนค่าวัคซีน โดยจะส่งบัญชีไลน์ปลอมและอีเมลปลอม พร้อมคิวอาร์โค้ด และบัญชีพร้อมเพย์ PromptPay ให้โอนเงิน ทั้งนี้ รพ.จุฬาภรณ์ มีเฟซบุ๊ก 2 เพจที่ใช้สื่อสารเรื่องการจัดสรรวัคซีน คือ รพ.จุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และศูนย์ข้อมูลราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ รวมถึง LINE Official account: @Chulabhornhospital โดยไม่มีบริการส่ง Link โอนเงินค่าวัคซีนซิโนฟาร์ม หรือวัคซีนโควิด19 ทุกชนิดผ่านไลน์ และไม่มีการจัดตั้งบัญชี LINE ศูนย์ข้อมูลราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เพื่อบริการตอบคำถามประชาชน
แค่ 1 ใน 10,000 : รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์ฯ ระบุ ผู้ป่วยโควิด19 เมื่อรักษาหาย หากเกิดรอยแผลเป็นหรือพังผืดในปอดจะค่อยๆ หายไปใน 2-12 สัปดาห์ แต่ในผู้ป่วยที่จะเกิดปอดอักเสบรุนแรงจากโควิดฯมีประมาณ 30-50% ซึ่งในจำนวนนี้เมื่อรักษาโควิดหายแล้วประมาณ 1 ใน 10,000 คน หรือน้อยกว่านั้น มีโอกาสที่จะเป็นโรคพังผืดในปอด เพราะปอดเกิดพังผืดมาก ผู้ป่วยจำเป็นจะต้องติดตามการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ตุลาฯ เข็ม 1 ครบ 50% :นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้ขณะนี้ ภาพรวมสถานการณ์โควิดฯดีขึ้น ประชาชนสามารถใช้ชีวิตวิถีใหม่อยู่กับโควิดฯได้อย่างเคร่งครัด ตามมาตรการป้องกันตนขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาล ทั้งนี้ ทางการตั้งเป้าจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้ได้ ร้อยละ 50 อย่างช้าภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้ ซึ่ง 28 ก.พ. – 16 ก.ย. 2564 ได้ฉีดวัคซีนรวม 43,342,103 โดส ยฉีดครบ 2 เข็ม รวม 14,285,995 โดส และฉีดเข็มที่ 1 ไปแล้ว 28,436,015 โดส ซึ่งฉีดได้ประมาณ 9 แสนโดสต่อวัน
20-27 ก.ย.ฝนหนัก : กรมอุตุนิยมวิทยา โพสต์ภาพกราฟฟิกผ่านเฟซบุ๊ก แสดงการพยากรณ์ฝนรวมทุกๆ 24 ชม. 10 วันล่วงหน้า (18-27 ก.ย.) ระบุว่า 18-19 ก.ย.64 #ฝนน้อยลง แต่ฝนยังเกิดขึ้นทางด้านตะวันตก ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวม กทม.และปริมณฑล ส่วนภาคใต้ฝนบางแห่ง ส่วนวันที่ 20-27 ก.ย. #ฝนจะเริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และมีฝนหนักถึงหนักมาก บริเวณภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลาง (รวม กทม.และปริมณฑล)ภาคตะวันออก ร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนล่างของบ้านเรา และจากหย่อมความกดอากาศต่ำที่ที่คาดว่าจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุม แต่ยังแรงไม่ถึงระดับพายุ ยังต้องติดตาม