คปภ.เด้งรับ”ขุนคลัง”รุกประกันภัย
เลขาฯคปภ. ขานรับนโยบายขุนคลัง เร่งจัดทำแผนแม่บทประกันภัย เผยเร่งดึง “บริษัทประกันภัยต่อ” ชั้นนำของโลก จากฝั่งยุโรปและอเมริกาตั้งสาขาในไทย ส่ออัดแรงจูงใจเพียบทั้งมาตรการภาษีและบีโอไอตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำประกันภัยกลุ่มประเทศ CLMV
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)กล่าวถึงแนวนโยบายที่ได้รับมอบหมายจากนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ว่า แม้แผนแม่บทของอุตสาหกรรมการประกันภัยจะถือเป็นโจทย์ใหญ่ แต่คปภ.ก็พร้อมจะรับไปดำเนินการโดยในส่วนของแผนปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการเชิญชวน “บริษัทประกันภัยต่อ” (Reinsurance) ขนาดใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาตั้งสำนักงานสาขาในไทย ขณะนี้ ได้มีการหารือและคืบหน้าไปบ้างแล้ว เบื้องต้นมี “บริษัทประกันภัยต่อ” จากกลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกา สนใจจะเข้ามาดูโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะตั้งสำนักงานสาขาในไทย ส่วนบริษัทฯจากจีนอาจมีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากมีสำนักงานสาขาอยู่ที่สิงคโปร์แล้วและอาจใช้สำนักงานที่นั่นมารับงานต่อจากบริษัทประกันภัยของไทย
“ตอนนี้กรมสรรพากรและสำนักงานบีโอไอ อยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการสร้างแรงจูงใจ ทั้งมาตรการทางภาษีและมาตรการส่งเสริมการลงทุน ประกอบกับการที่รัฐบาลไทยได้ทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลดำเนินการก่อสร้างโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการอีอีซี (เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก) ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจ ย่างดีที่จะทำให้ “บริษัทประกันภัยต่อ” ชั้นนำจากต่างประเทศ สนใจเข้า าตั้งสำนักงานสาขาในไทย”
สำหรับการเป็น “ฮับ” ของธุรกิจประกันภัยในกลุ่มประเทศ CLMV นั้น นายสุทธิพล กล่าวว่า ตอนนี้มีการประสานงานคืบหน้าไปมาก ทั้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศเหล่านั้น และจากการหารือกับสมาคมและบริษัทประกันภัยของไทย มีโอกาสที่เราจะเข้าไปเป็นผู้นำธุรกิจประกัยภัยในกลุ่มประเทศCLMV สูงทีเดียว
ส่วนร่างแผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 4 นั้น ตอนนี้ คปภ.อยู่ระหว่างทบทวนและพิจารณาแผนพัฒนาประกันภัย ฉบับที่ 3 ซึ่งจะครบกำหนดในปี 2563 เพื่อใช้เป็ณเกณฑ์ในการจัดทำร่างแผนฯฉบับที่ 4 โดยจากนี้จนถึงปีหน้า (2562) จะพิจารณาทบทวนถึงสภาพการณ์ที่เป็นไป โดยเฉพาะการที่ “เทคโนโลยีดิจิทัล” ก้าวหน้าไปไกลมาก จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจประกันภัยทั้งที่เป็ยบวกและเป็นลบ สิ่งเหล่านี้ คปภ.จะต้องนำมาวิเคราะห์และประเมินผล เพื่อวางกรอบในการจัดทำร่างแผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 4 ต่อไป.