สรุปข่าวประจำวันที่ 29 สิงหาคม 2564
หุ้นไทยสัปดาห์หน้า : บล.กสิกรไทย คาดดัชนีหุ้นไทยช่วง 30 ส.ค. – 3 ก.ย. มีแนวรับที่ 1,615 และ 1,635 จุด จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,615 และ 1,635 ตามลำดับ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิดทั้งในและต่างประเทศ การคลายล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงประเด็นการเมืองภายในประเทศ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือน ส.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือน ส.ค. ของจีน ญี่ปุ่นและยูโรโซน ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค. (เบื้องต้น) และดัชนีราคาผลิตเดือนก.ค. ของยูโรโซน ตลอดจนยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ของญี่ปุ่น.
น้ำมันดิบขึ้นต่อ : ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้ายังอยู่ในโหมดทะยานตัวต่อเนื่อง โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน ต.ค.เช้านี้ (29 ส.ค.) ปิดตลาด +1.30ดอลลาร์/บาร์เรล (+1.93%) ปิดที่ 68.72 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาซื้อข่ายล่วงหน้าของน้ำมันเบรนท์ ส่งมอบเดือน พ.ย. ปิดตลาด +1.45 ดอลลาร์/บาร์เรล (+2.07%) ก็ปิดที่ 71.63 ดอลลาร์/บาร์เรล.
ทองโลกขยับแรง : ราคาขายทองคำ Spot ดอลลาร์สหรัฐ ที่ปิดตลาดช่วงเช้า 29 ส.ค.ของไทย ขยับตัวขึ้นแรงมากที่ +24.71 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (+1.38%) ปิดที่ 1,817.12 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และนับเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ขณะที่ ราคาทองไทยในไทย สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำเมื่อ 28 ส.ค. เพียงครั้งเดียวเพิ่มขึ้นจากราคาปิดวันก่อน 150 บาท กำหนดราคาซื้อทองคำแท่ง บาทละ 27,850 บาท ขาย 27,950 บาท ขณะที่ราคาซื้อทองคำรูปพรรณ 27,348.64 บาท และขาย 28,450 บาท.
ค่าบาทสัปดาห์หน้า : แบงก์กสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทช่วง สัปดาห์หน้า (30 ส.ค. – 3 ก.ย. 64) มีกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.50-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตาม เช่นเดียวกับข้อมูลหุ้นสัปดาห์หน้าด้านบน.
แจ้งต่ำกว่าจริง : นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ ทั่วโลกรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดน้อยกว่าความเป็นจริง 10 เท่า ทั้งนี้ตัวเลขที่ยืนยันว่ามี 215 ล้านคน แท้จริงอาจมีผู้มากถึง 2,150 ล้านคน หรือหนึ่งในสี่ของประชากรโลก สำหรับไทยมียอดสะสม 1.13 ล้านคน เป็นไปได้ที่ตัวเลขจริงอาจสูงถึง 9 ล้านคน หรือ 13% ของประชากรไทย แต่ไม่ต้องตกใจ เพราะคนเกือบ 8 ล้านคนที่ติดเชื้อ ไม่มีอาการหรืออาการน้อย คนที่ติดเชื้อหายแล้วจะไม่รับเชื้อสายพันธุ์ที่กำลังระบาดขณะนี้ และจะไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่นอีก.
โควิดชะลอตัว : อธิบดีกรมควบคุมโรคแจงภาพรวมการติดเชื้อโควิดฯชะลอลง แต่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อความไม่ประมาท ซึ่งในกรุงเทพฯ ภาพรวมแม้จะไม่พุ่งสูงขึ้นมากอย่างที่กังวล แต่ก็ยังคงระมัดระวัง ส่วนต่างจังหวัดมีตัวเลขติดเชื้อเพิ่มขึ้นมา ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนสะสมอยู่ที่ 30,420,507 โดส เป็นเข็มแรก 22,617,701 โดส เข็มสอง 7,221,368 โดส และเข็มสาม 581,438 โดส โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในเดือนส.ค. เนื่องจากได้วัคซีนมากขึ้น.
บ้วนปากฆ่าโควิด : ผอ.รพ.ทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ ม.มหิดล ระบุถึงความสำเร็จในการคิดค้นน้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อโควิดที่สามารถยับยั้งการแพร่กระจายของโควิดฯ รวมทั้งเชื้อที่กลายพันธุ์ หลังการบ้วนปากได้ทันที ได้ถึง 99.9% โดยผ่านการทดสอบและรับรองผลประสิทธิภาพ การใช้จริงกับผู้ป่วย และได้ยื่นจดอนุสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา ในนามของสถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (iNT) ม.มหิดล และเตรียมส่งมอบต่อให้กับรพ.สนาม เพื่อนำไปใช้กับผู้ป่วยฯต่อไป.
หนุนเร่งตรวจเชิงรุก : โฆษกกลาโหมแจงฝ่ายความมั่นคง ได้ประชุมติดตามการสนับสนุนรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตโควิด ระบุทหารตำรวจยังคงตรวจพบและจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองตามชายแดนและพื้นที่ชั้นใน โดย 1- 26 ส.ค. จับกุมได้ 3,957 คน เป็นผู้นำพา 30 ราย และพร้อมสนับสนุนการสุ่มตรวจเชิงรุก โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งทะเล ชุมชนเกาะแก่งต่างๆ ซึ่งทุกเหล่าทัพได้ขยายขีดความสามารถ และจัดตั้ง รพ.สนามศูนย์คัดกรองเพิ่มขึ้น.
เกาะติดเหตุวางระเบิด : นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล ระบุ นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งด่วนให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเร่งติดตามผู้ก่อเหตุกรณีลอบวางระเบิดรถไฟขนสินค้า จ.นราธิวาส โดยให้เพิ่มกำลังเฝ้าระวังตลอดเส้นทางคมนาคม รางและถนนในพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมสั่งให้รายงานความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง.
เงินเยียวยาให้ถึงผู้ปกครอง : น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกรัฐบาล ระบุ นายกรัฐมนตรีติดตามการจ่ายเงินให้แก่ผู้ปกครอง 2,000 บาทต่อนักเรียน 1 คน ตามมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านการศึกษาสำหรับภาคเรียนที่ 1/64 หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ปกครอง ที่แจ้งว่า ร.ร.เอกชนบางแห่ง จะหักเงินเยียวยากับผู้ปกครองที่ค้างค่าเทอมฯ ซึ่งจะทำให้ไม่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล โดยกำชับให้กระทรวงศึกษาธิออกคำสั่งห้าม ร.ร.หัก และเงินต้องถึงมือมือผู้ปกครอง การหักจะผิดวัตถุประสงค์ของการช่วยเหลือเยียวยา.