กอช.ดึง “อว.- ก.ล.ต.” ปั้นนักออมวัยศึกษา ร่วมวางแผนเพื่ออนาคต
“คลัง – อว.” หนุน กอช. ลงนามร่วมกับ อว.และ ก.ล.ต. ผนึกกำลังหนุนเยาวชนในวันศึกษาในสถาบันชั้นนำทั่วไทย หันออมเงินตั้งแต่วัยเยาว์ พร้อมให้ความรู้ด้านวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล บริหารจัดการเงินทั้งการออม การลงทุน การเพิ่มทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลเพื่ออนาคตอย่างยั่งยืน
พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ผ่านระบบประชุมทางไกล การส่งเสริมการออมระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ถูกจัดให้มีขึ้นเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2564 โดยได้รับเกียรติจาก นายอาคม เติมพิทยาไพสิ รมว.คลัง และ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว. อว. เป็นสักขีพยาน และมอบนโยบายโดยมี นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะ ปธ.กก. กอช. ศ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล อว. และ น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. เป็นผู้ลงนามฯ ซึ่งมีอธิการบดีและคณะผู้บริหารสถานศึกษากว่า 174 แห่งทั่วประเทศ ภายใต้การกำกับดูแลของ อว. เข้าร่วมขานรับนโยบายและฟังการเสวนาฯ เพื่อนำข้อมูลความรู้ต่างๆ ไปถ่ายทอดต่อในสถานศึกษาของตนเองต่อไป
นายอาคม กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการยกระดับการทำงานร่วมกันของทั้ง 3 หน่วยงาน ในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการวางแผนทางการเงินให้แก่เยาวชนรุ่นใหม่ ในกลุ่มนิสิต นักศึกษา ผ่านสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ ได้รู้จักวางแผนทางการเงิน และการออมเงิน ตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา ก่อนเริ่มต้นชีวิตการทำงาน พร้อมทั้งสามารถวางแผนการลงทุน บริหารสินทรัพย์ ให้งอกเงยในรูปแบบที่เหมาะสมกับตัวเอง เท่าทันภัยทางการเงินและสามารถให้ข้อมูล ความรู้ แนะนำผู้อื่นได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ
สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ยุทธศาสตร์ที่ 4ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และสภาพแวดล้อม ให้เป็นประชากรที่มีคุณภาพ สามารถพึ่งตนเอง ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ตระหนักถึงการออมเพื่ออนาคต สร้างหลักประกันและความมั่นคงในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ
ทั้งนี้ กอช. ในฐานะหน่วยงานส่งเสริมให้ประชาชนออมเงินเพื่ออนาคต สร้างเงินออม บริหารจัดการเงินออมให้เหมาะสม เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนวัยเกษียณ ออมระยะยาวด้วยจำนวนเงินน้อยๆ ก็สามารถสร้างความมั่นคงในชีวิต การวางแผนทางการเงินถือเป็นรากฐานสำคัญของการดำเนินชีวิต หากนิสิต นักศึกษา นำความรู้ที่ได้รับ มาประยุกษ์ใช้ในชีวิตประจำวัน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ที่ทรงริเริ่มที่จะช่วยแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน โดยการทำบัญชีครัวเรือน การบันทึกรายรับ-รายจ่าย ที่เกิดขึ้นในครัวเรือน และให้มีการจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งออมไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉินและยามเกษียณเพื่ออนาคตของตนเอง
ด้าน นายเอนก กล่าวเสริมว่า นับเป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์อย่างยิ่งที่ได้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างกันของหน่วยงานหลักที่เป็นภาคีเครือข่ายชั้นนำของประเทศด้านการออมและการลงทุนของภาครัฐ ที่จะเข้ามาช่วยให้ความรู้และส่งเสริมวินัยด้านการออมและการวางแผนทางการเงิน เพื่อสร้างความมั่งคงให้กับชีวิตในอนาคตให้แก่นิสิต นักศึกษา และบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งประโยชน์ของการออมนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเงินออมไว้เป็นค่าใช้จ่ายสำรองที่จำเป็นต้องใช้ตามโอกาส การสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉินหรือเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด รวมถึงการออมไว้ใช้ในบั้นปลายของชีวิต
แม้ในสถานการณ์ปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบปัญหาทางด้านวิกฤตเศรษฐกิจอันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิ–19 และปฏิเสธไม่ได้ว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำได้ส่งผลกระทบต่ออาชีพและรายได้ ปัญหาการว่างงาน สาเหตุหนึ่งทำให้คนไทยมีเงินออมน้อยลง และไม่มีแรงจูงใจในการออมเงินและการลงทุนมากนัก ดังนั้น การลงทุนในรูปแบบการออมสะสมจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงินในอนาคต จึงอยากสนับสนุนและฝากให้สถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งช่วยกันผลักดันและส่งเสริมการปลูกฝังวินัยด้านการออมและการวางแผนทางการเงินให้แก่นิสิต นักศึกษา และบุคลากรในสถาบันของท่าน ให้ได้เรียนรู้และเห็นถึงความสำคัญของประโยชน์จากการออมเพื่อชีวิตที่ดีในอนาคต
ขณะที่ นายกฤษฎา กล่าวในฐานะ ปธ. คกก. กอช. ว่า กอช. เป็นกองทุนบำนาญพื้นฐานภาคประชาชน ถูกจัดตั้งขึ้นมาเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2558 ใกล้ครบรอบ 6 ปี ที่ดูแลแรงงานนอกระบบ สำหรับคนไทยทุกคน ตั้งแต่วัยเรียนอายุ 15 ปี จนเริ่มวัยทำงานถึงอายุ 60 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมทางการเงินในอนาคต โดยให้ประชาชนเกิดความตระหนัก สร้างความตระหนักในการวางแผนชีวิต และได้รับสิทธิรับบำนาญการออมกับ กอช. เพื่อได้มีเงินใช้จ่ายในการดำรงชีวิตหลังอายุ 60 ปี เป็นรายเดือน โดยการสมัครออมเงินเริ่มต้นเพียง 50 บาท สูงสุด 13,200 บาทต่อปี ได้เงินสมทบเพิ่มตามช่วงอายุของสมาชิก
อายุ 15 – 30 ปี รัฐสมทบให้ 50%ของเงินออมสะสมสูงสุด 600 บาทต่อปี
อายุ>30 – 50 ปี รัฐสมทบให้ 80%ของเงินออมสะสมสูงสุด 960 บาทต่อปี
อายุ>50 – 60 ปี รัฐสมทบให้ 100%ของเงินออมสะสมสูงสุด 1,200 บาทต่อปี
ส่วน ปลัด อว. ย้ำว่า อว.ได้กำหนดแนวทางการขับเคลื่อนงานในส่วนของกระทรวงฯ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของภารกิจ คือ
1. สนับสนุนให้นิสิต นักศึกษา และบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาให้ความสำคัญเกี่ยวกับการออม โดยการส่งเสริมให้เกิดองค์ความรู้ด้านการวางแผนทางการเงินและการลงทุน และสนับสนุนให้สถาบันอุดมศึกษาได้บรรจุเนื้อหาการวางแผนทางการเงิน และการลงทุนในวิชาศึกษาทั่วไป General Education (GenEd)
2. ส่งเสริมให้สถาบันอุดมศึกษาจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์และเชิญชวนให้นิสิต นักศึกษาและบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาที่ยังไม่มีสิทธิและสวัสดิการเรื่อง บำเหน็จบำนาญ เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการออมและการวางแผนทางการเงิน เพื่อประโยชน์ในอนาคต
3. สนับสนุนการประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของกองทุนการออมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ผ่านช่องทางประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และ 4. สนับสนุนการเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดโครงการ/กิจกรรม อาทิ การเป็นวิทยากรการออกนิทรรศการ เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมของ 2 หน่วยงาน ให้แก่ผู้บริหาร นิสิต นักศึกษาและบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาต่อไป
ด้าน น.ส.รื่นวดี กล่าวว่า ก.ล.ต. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีความร่วมมือเรื่องการส่งเสริมการออมกับหน่วยงานต่างๆ โดย ก.ล.ต. จะสนับสนุนการทำประชาสัมพันธ์และการจัดกิจกรรมพร้อมวิทยากรในการส่งเสริมความรู้ด้านการเงิน การลงทุน และภัยกลโกง รวมถึงสนับสนุนงานด้านวิชาการและการถ่ายทอดองค์ความรู้ในเรื่องดังกล่าวเพื่อขอให้สถาบันการศึกษาบรรจุเนื้อหาในวิชาศึกษาทั่วไป (General Education) ซึ่งการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่เน้นให้ความรู้ทางการเงินกับทุกกลุ่มเป้าหมายและถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือกันในการขับเคลื่อนภารกิจส่งเสริมการออมอย่างเป็นรูปธรรม.