บก.ชู e-GP สร้างความโปร่งใส ช่วยรัฐประหยัดงบจัดซื้อ/จ้าง
กรมบัญชีกลาง ย้ำ! ระบบ e-GP ที่ภาครัฐนำมาใช้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายและยกระดับความโปรงใส เผย! ภาพรวมจัดซื้อจัดจ้าง Q2/64 ช่วยรัฐประหยัดงบฯถึง 4.8 หมื่นล้าน
นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า นับแต่ปี 2552 ที่กรมบัญชีกลาง (บก.) ได้นำระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) มาใช้ในการจัดซื้อจัดจ้างกับหน่วยงานของรัฐ และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณ และยกระดับความโปร่งใสของโครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ ทำให้ผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไปเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและเกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียม สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน อีกทั้งยังช่วยประหยัดเงินงบประมาณจากโครงการต่างๆได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นไปอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจ
โดยสิ้นไตรมาสที่ 2 ในปีงบประมาณ 2564 (ต.ค. 2563 – มี.ค. 2564) พบว่า มีโครงการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด 2.6 ล้านโครงการ มูลค่ากว่า 1.1 ล้านล้านบาท ซึ่งมีโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่ได้ผู้ชนะการประกวดราคาแล้ว 2.5 ล้านโครงการ วงเงินงบประมาณ 778,812 ล้านบาท โดยมีวงเงินงบประมาณที่จัดหาได้ 730,630 ล้านบาท สามารถประหยัดงบประมาณได้กว่า 48,203 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.19
อธิบดีกรมบัญชีกลาง ย้ำว่า กรมฯมีภารกิจควบคุมดูแลการใช้จ่ายเงินของแผ่นดินและหน่วยงานภาครัฐ โดยเป็นหน่วยงานกลางในการวางกรอบหลักเกณฑ์กลางให้หน่วยงานภาครัฐถือปฏิบัติให้เป็นไปโดยถูกต้อง มีวินัย คุ้มค่า โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ ตั้งแต่การดำเนินการจัดหาพัสดุ การบริหารพัสดุ ตลอดจนถึงการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ
ทั้งนี้ หลังจากที่ พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ได้ประกาศใช้ กรมฯให้ความมั่นใจว่ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการใดก็ตาม สามารถทำให้หน่วยงานของรัฐและผู้ค้าภาครัฐได้รับความสะดวก รวดเร็วมากขึ้น เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เนื่องจากดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทุกขั้นตอน ที่สำคัญมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ประหยัดงบประมาณและลดการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อเปรียบเทียบกับการจัดซื้อจัดจ้างแบบเดิม และ
ปัจจุบันกรมฯมีแผนการพัฒนาระบบและปรับปรุงขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยนำระบบ Blockchain มาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบมากยิ่งขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการทุจริต และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ทุกภาคส่วนต่อไป.