คลังออกบอนด์ “ยิ่งออมยิ่งได้” 5 หมื่นล. ชี้! ดบ.สูงไม่กระทบต้นทุนกู้เก่า
คลังกู้ครั้งใหม่ 5 หมื่นล. ออกพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษ รุ่น “ยิ่งออมยิ่งได้” ผ่านแอปฯเป๋าตัง และ 4 แบงก์ใหญ่ ด้าน “ผอ.สบน.” เผย! ปรับแผนจูงใจนักลงทุนทั่วไปและองค์กรไม่แสวงกำไร ยอมรับ ดบ.ในตลาดมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ไม่กระทบแผนกู้เงินเดิม เหตุเป็นดบ.คงที่ เชื่อ! ไม่ปรับสูงเหมือนในอดีตแน่
นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะเริ่มจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “ยิ่งออมยิ่งได้” ผ่านวอลเล็ต สบม. บนแอปพลิเคชันเป๋าตังเป็นแห่งแรก ในวันที่ 5 ก.ค. 2564 และจำหน่ายผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่าย ในวันที่ 12 ก.ค.เป็นต้นไป เพื่อระดมทุนไปใช้ในการบรรเทาผลกระทบและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
โดยรอบนี้ กระทรวงการคลังได้อำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ลงทุนผ่านวอลเล็ต สบม. ในหลายด้าน เช่น เพิ่มวงเงินจำหน่ายเป็น 10,000 ล้านบาท โดยสามารถซื้อได้สูงสุด 10 ล้านบาท/ราย และจ่ายดอกเบี้ยถี่ขึ้นเป็น 4 ครั้งต่อปี ทำให้สามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้รวดเร็วขึ้น
นอกจากนี้ สบน. ได้ยกระดับบริการด้านภาษีบนวอลเล็ต สบม. ให้ง่ายและสะดวกกว่าเดิม โดยนับจากนี้ ผู้ลงทุนไม่ต้องยุ่งยากเก็บเอกสาร การหักภาษี ณ ที่จ่ายทุกรอบการจ่ายดอกเบี้ยเพื่อประกอบการยื่นขอคืนภาษี ณ สิ้นปีอีกต่อไป ท่านสามารถตรวจสอบและดาวน์โหลดได้เองจากวอลเล็ต สบม. ซึ่งระบบจะส่งข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่ายของผู้ลงทุนไปยังกรมสรรพากรอัตโนมัติจึงไม่จำเป็นต้องเก็บเอกสารดังกล่าว
สำหรับ การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษ รุ่นยิ่งออมยิ่งได้ ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งผ่านวอลเล็ต สบม. บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง และธนาคารตัวแทนจำหน่ายตามความสะดวก รายละเอียดเป็นดังนี้
1) รุ่นยิ่งออมยิ่งได้บนวอลเล็ต สบม. วงเงินจำหน่าย 10,000 ล้านบาท รุ่นอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได (Step-up) เฉลี่ยร้อยละ 1.80 ต่อปี ซื้อได้ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป (ผู้เยาว์จะต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง และไปยืนยันตัวตนพร้อมผู้ปกครองเพื่อกรอกเอกสารให้ความยินยอมฯ ณ สาขาธนาคารกรุงไทยสำหรับการซื้อครั้งแรก) วงเงินตั้งแต่ 100 บาท – 10 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ยเป็น 4 ครั้งต่อปี โดยจะจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 5-23 กรกฎาคม 2564
ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเป๋าตังเพื่อลงทะเบียน ยืนยันตัวตน โอนเงินเข้าวอลเล็ต สบม. ผ่านพร้อมเพย์จากทุกธนาคารหรือ ผูกบัญชีธนาคารกรุงไทยเพื่อเตรียมซื้อพันธบัตรได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการซื้อผ่านโทรศัพท์มือถือโดยไม่ต้องไปธนาคาร ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลการใช้งานวอลเล็ต สบม. ได้ที่ Call Center โทร. 02-111-1111 หรือที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา
2) รุ่นยิ่งออมยิ่งได้ วงเงินจำหน่าย 40,000 ล้านบาท ซึ่งจำหน่ายผ่าน 4 ธนาคารตัวแทนจำหน่าย ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ทั้งในช่องทาง Counter, Internet Banking และ Mobile Banking ของ 4 ธนาคารตัวแทนจำหน่าย วงเงินขั้นต่ำ 1,000 บาทและซื้อได้ไม่จำกัดวงเงินซื้อ จ่ายดอกเบี้ย 2 ครั้งต่อปี และจำหน่ายพร้อมกันทั้งประชาชนและนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรตามที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยหากเป็นผู้เยาว์ต้องมีบัญชีธนาคารตัวแทนจำหน่ายและได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน และจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 12-23 ก.ค.นี้ โดยวงเงินและรุ่นอายุที่จำหน่ายดังนี้
1.ประชาชนทั่วไป วงเงิน 35,000 ล้านบาท จำหน่ายรุ่นอายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได (Step Up) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ 1.90 ต่อปี
2.นิติบุคคลไม่แสวงหากำไรตามที่กระทรวงการคลังกำหนด วงเงิน 5,000 ล้านบาท จำหน่ายรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.20 ต่อปี
ทั้งนี้ วงเงินรุ่นยิ่งออมยิ่งได้ที่จำหน่ายบนวอลเล็ต สบม. และธนาคารตัวแทนจำหน่ายไม่นับรวมกัน ผู้ลงทุนจึงสามารถลงทุนได้ทั้ง 2 ช่องทาง และกระทรวงการคลังสามารถปรับเพิ่ม/ลดวงเงินของผู้มีสิทธิซื้อทั้ง 2 กลุ่ม ในรุ่นยิ่งออมยิ่งได้ที่จำหน่ายผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่ายได้ตามความเหมาะสม
นางแพตริเซีย ย้ำว่า สบน. ได้แจ้งให้ธนาคารตัวแทนจำหน่ายปรับวิธีการจองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาล เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัย ซึ่งผู้ลงทุนสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขและวิธีการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ผ่านช่องทางต่างๆ ของธนาคารตัวแทนจำหน่ายทั้ง 4 แห่ง
ผอ.สบน. ยอมรับว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม แหล่งเงินกู้ของรัฐบาลส่วนใหญ่เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ ซึ่งอัตราดอกเบี้นในตลาดที่เพิ่มขึ้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของรัฐบาล อย่างแน่นอน
แต่ยอมรับว่าในอนาคต การกู้เงินในตลาดฯ มีโอกาสที่ต้นทุนจะแพงขึ้น เพราะที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยปรับลดลงอย่างมาก ตลาดจึงต้องปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน กระนั้น ส่วนตัวยังเชื่อว่า แม้อัตราดอกเบี้ยในตลาดจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่คงไม่มากเหมือนในอดีตอย่างแน่นอน.