ยิ่งใช้ยิ่งได้ ยอดร่วมฯยังต่ำ ปลัดคลังชี้! ต่ำเป้าไม่แปลก?
ยอดลงทะเบียนร่วม “ยิ่งใช้ยิ่งได้” วันที่ 2 ก็ยังไม่ปัง! เช็คยอดช่วงสายๆ ยังแตะระดับ 2.83 แสนคน ด้าน “ปลัดคลัง” ย้ำ! หากยอดหลุดเป้า 4 ล้านสิทธิ ชี้ไม่แปลก! เหตุคนหันไปร่วมโครงการอื่นในแคมเปญเดียวกันแทน เผย! จ่อคลอดโครงการรัฐชุดใหม่ หลังเงินกู้ 5 แสนล.เดินเครื่อง ระบุ! ตอนนี้เร่งหารือกันอยู่
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการลงทะเบียนรับสิทธิโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ในวันแรกที่มียอดสมัครลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯไม่สูงนัก ว่า โครงการฯยังมีเวลาการใช้งานจนถึงสิ้นปีนี้ และการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯก็ทำได้ไม่ยากนัก อาจเป็นไปได้ว่าเมื่อเริ่มมีการใช้จริงและได้เห็นตัวอย่างของประโยชน์จากโครงการฯ คนในกลุ่มเป้าหมายจะสมัครเข้าร่วมโครงการฯตามมาในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ โครงการคนละครึ่งเฟส 3 หรือโครงการเพิ่มกำลังซื้ออื่นๆ ต่างก็อยู่ในโครงการของรัฐที่มีการใช้งบประมาณก้อนเดียวกัน หากโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ไม่ครบ 4 ล้านคนตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ นั่นก็หมายความว่า คนที่มีสิทธิหันไปเลือกเข้าร่วมโครงการอื่นๆ แทน
ส่วนจะมีโครงการอะไรเพิ่มเติมหลังจากนี้ ทันทีที่ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทถูกนำออกมาใช้ นั้น ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า ขณะนี้หลายหน่วยงานกำลังพูดคุยหารือกันอยู่ มาตรการหรือโครงการอื่นๆ จะมีตามมาหลังจากนี้แน่นอน แต่ขอประชุมหารือเป็นการภายในของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน
ด้าน น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะ โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การลงทะเบียนร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ณ วันที่ 22 มิ.ย.2564 เวลา 11.00 น. มีจำนวน 283,795 คน โดยประชาชนยังสามารถลงทะเบียนฯได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เวลา 06.00 – 22.00 ของทุกวัน จนกว่าจะครบ 4 ล้านสิทธิ ผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
ทั้งนี้ ขอย้ำว่าประชาชนที่ประสงค์จะลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ จะต้องดำเนินการผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com เท่านั้น โดยขอให้อย่าหลงเชื่อเว็บไซต์หรือเพจอื่นๆ นอกเหนือจากที่กระทรวงการคลังกำหนด ซึ่ง โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้จะไม่มีการแจกเงินสด 7,000 บาท แต่จะสนับสนุนเป็น e – Voucher เมื่อประชาชนใช้จ่ายค่าสินค้าหรือบริการ ได้แก่ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ค่าบริการนวด สปา ทำผมทำเล็บ ไม่รวมถึงสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ น้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ บัตรกำนัล (gift voucher) บัตรเงินสด (gift card) และสินค้ารูปแบบอื่นๆ ที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า ผ่าน g-wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. – 30 ก.ย.
วงเงินใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิ e – Voucher ไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน ซึ่งยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิต้องไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน และจะได้รับสิทธิ e – Voucher สะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ โดยยอดใช้จ่ายตั้งแต่ 1 – 40,000 บาทแรก ได้รับ e -Voucher ร้อยละ 10 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน และยอดใช้จ่ายตั้งแต่ 40,001- 60,000 บาท ได้รับ e -Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ซึ่งสิทธิ e -Voucher จะคืนเป็นวงเงินเข้าใน g – Wallet ทุกวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ทั้งนี้ สามารถใช้จ่ายด้วยe -Voucher ที่ร้านที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. – 31 ธ.ค. โดยไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้
นอกจากนี้ ประชาชนสามารถเข้าร่วมโครงการของรัฐได้เพียงโครงการเดียว โดยหากประชาชนที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 หรือโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษและมีความประสงค์จะลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้จะต้องลงทะเบียนผ่าน g-wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพียงช่องทางเดียว ภายในวันจันทร์ที่ 28 มิ.ย.เวลา 22.00 น.
ดังนั้น หากประชาชนที่ยังไม่มีแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ประชาชนจะต้องทำการโหลดและยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนเพื่อใช้งานแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ก่อนทำการเปลี่ยนสิทธิโครงการเดิมมาเป็นโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และสามารถเปลี่ยนแปลงโครงการได้เพียง 1 ครั้งและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก ซึ่งเมื่อเปลี่ยนแปลงสิทธิเรียบร้อยแล้วจะถือเป็นการสละสิทธิโครงการเดิมที่ลงทะเบียนไว้แล้ว
สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้และมีคุณสมบัติเป็นไปตามที่กำหนด ได้แก่ ร้านค้าทั่วไป ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้านธงฟ้า ร้าน OTOP ผู้ประกอบการบริการนวด สปา ทำผม ทำเล็บ ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 เวลา 06.00 น. – 22.00 น. เป็นต้นไป ผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือสาขาธนาคารกรุงไทยฯ โดยจากข้อมูล ณ วันที่ 21 มิ.ย.2564 เวลา 22.00 น. มีจำนวนผู้ประกอบการร้านค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกว่า 37,823 ราย.