เฮ! ลูกหนี้แบงก์รัฐรอเลย “ยืดหนี้-หั่นดบ.เหลือต่ำมาก”
ปลัดคลังลั่น! แบงก์รัฐพร้อมใจขยายชำระหนี้เงินต้น แพลม! บางแบงก์ชงเรื่องมาแล้ว พร้อมหั่นดบ.ให้ต่ำที่สุด เน้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิดฯ โฟกัส “ธุรกิจท่องเที่ยว-ร้านอาหาร – และที่เกี่ยวข้อง” ให้ทั้งลูกค้าทั่วไปและผู้ประกอบการ
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้ของประชาชน (หนี้ครัวเรือน) ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หลังจากนายกรัฐมนตรีมีนโยบายแก้ไขปัญหาดังกล่าวแบบครอบคลุมทั้งระบบ ว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐมาหารือถึงแนวทางดังกล่าว เมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 มิ.ย.2564 ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐแต่ละแห่ง ไปหาแนวทางช่วยเหลือตามความเหมาะ ไม่ว่าจะเป็นการพักหนี้เงินต้น ลดอัตราดอกเบี้ย และอื่นๆ พุ่งเป้าไปยังกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิดฯจริงๆ อาทิ กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหาร และที่เกี่ยวข้อง
โดยเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 22 มิ.ย. มีสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐบางแห่งได้เสนอแนวทางมาบ้างแล้ว เบื้องต้นตนยังบอกไม่ได้ว่าเป็นสถานการเงินใด เพราะต้องรอให้มีความชัดเจนเสียก่อน แต่มีแนวโน้มว่าจะขยายเวลาการพักชำระหนี้เงินต้น ส่วนอัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงินที่มีความพร้อม ซึ่งเท่าที่ตนได้รับรายงานมา อัตราดอกเบี้ยอาจลดต่ำลงมากถึง 0.01% โดยเฉพาะของกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ) และยังมีค่าปรับที่ลดลงให้อีก 50% ส่วนธนาคารของรัฐอื่นๆ อัตราดอกเบี้ยที่จะคิด ก็น่าต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะต้องการจะช่วยเหลือลูกค้าและผู้ประกอบการที่เดือดร้อนจริงๆ
“แบงก์ชาติมีนโยบายไม่ให้ยกดอกเบี้ยให้ลูกค้า ดังนั้น สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีความพร้อม จึงพยายามคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด โดยไม่กระทบกับการดำเนินงานมากนัก แม้ว่าผลกำไรจากการดำเนินงานจะลดลงไปบ้างก็ตาม แต่ในสถานการณ์วิกฤตอย่างนี้ จำเป็นจะต้องช่วยเหลือกันให้มากที่สุด” ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุและว่า สิ่งนี้ ไม่ส่งผลต่อสถานะทางการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เนื่องจากทุกแห่งมีการตั้งสำรองทางการเงินอยู่ในระดับที่สูงมาก
ส่วนกรณีข้อเสนอให้ยกเลิกเครดิตบูโรเพราะเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงสินเชื่อของผู้กู้บางกลุ่มนั้น นายกฤษฎา กล่าวว่า เครดิตบูโรก็มีข้อดี เพราะคนที่มีเครดิตดีจะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้น อีกทั้ง ปัจจุบัน หลายโครงการเงินกู้ก็ไม่นำเครดิตบูโรมาพิจารณาประกอบการให้สินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อสูภัยโควิดฯเป็นต้น.