คลังชวนร้านค้าร่วมยิ่งใช้ยิ่งได้ จี้เร่งจ่ายเราชนะก่อนปิดโครงการ
กระทรวงการคลัง ตีฆ้อง! ชวนร้านค้าแว็ต ทั้งกลุ่มขายสินค้าและบริการ ร่วมลงทะเบียนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ หลังพบมีแค่ 2.4 หมื่นแห่งตอบรับแล้วฯ เผย! หวังกระตุ้นคนระดับกลาง ใช้จ่ายฟื้นเศรษฐกิจ ส่วนโครงการเราชนะ ใกล้ปิดฉาก! พบใช้จ่ายเต็มวงเงินถึง 23.6 ล้านคนจากทั้งหมด 33.2 ล้านคน จี้! คนเหลือสิทธิ เร่งใช้จ่ายก่อน 30 มิ.ย.นี้
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะ โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเชิญชวนร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มลงทะเบียนเข้าร่วม “โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้” โดยย้ำว่า เป็นโครงการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านผู้มีกำลังซื้อ และเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มโดยร้านค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สำหรับโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” กำหนดให้ประชาชนผู้ได้รับสิทธิที่ชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการ ได้แก่ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ค่าบริการนวด สปา ทำผมทำเล็บ (ไม่รวมถึงสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบบัตรกำนัล (gift voucher) บัตรเงินสด (gift card) และสินค้าหรือบริการที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า) ผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet)บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ระหว่างวันที่ 1 ก.ค. – 30 ก.ค.2564 กับ ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการฯ
โดยจะ ได้รับวงเงินสนับสนุนในรูปของ บัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher) ซึ่งวงเงินใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher ไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน ซึ่งยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิต้องไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน และจะได้รับสิทธิ e- Voucher สะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ
ทั้งนี้ ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 1-40,000 บาทแรก ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 10 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน และยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 40,001-60,000 บาท ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ซึ่งสิทธิ e-Voucher จะคืนเป็นวงเงินใน g-Wallet ทุกต้นเดือนถัดไป โดยสามารถใช้จ่ายด้วย e -Voucher ได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564 และไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้
“ปัจจุบันการลงทะเบียนร้านค้าใน โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ประกอบการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการสะสม ณ วันที่ 15 มิ.ย. เวลา 22.00 น. ทั้งหมด 24,671 ราย จึงขอเชิญชวนร้านค้าที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามที่โครงการกำหนด ได้แก่ ร้านค้าทั่วไป ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้านธงฟ้า ร้าน OTOP ผู้ประกอบการบริการนวด สปา ทำผมทำเล็บ ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. เป็นต้นไป เวลา 06.00 น. – 22.00 น.” โฆษกกระทรวงการคลัง ระบุและว่า
ร้านค้าที่เคยเข้าร่วมโครงการของรัฐที่มีการใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” สามารถลงทะเบียนได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ ผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” หรือ ผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือ ผ่านสาขาหรือจุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทย และสำหรับร้านค้าที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการของรัฐสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือลงทะเบียนผ่านสาขาหรือจุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทย
สำหรับร้านค้าทั่วไปที่ไม่เคยจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและมีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากรให้แล้วเสร็จก่อนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้อย่างน้อย 7 วันทำการ
ทั้งนี้ การลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการในส่วนของประชาชนนั้น จะเริ่มเปิดลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.เวลา 06.00 น. – 22.00 น. ของทุกวันเป็นต้นไป จนกว่าจะครบ 4 ล้านสิทธิโดยผู้ที่เคยรับสิทธิโครงการของรัฐ อาทิ ชิมช้อปใช้ เราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง เราชนะ ม.33เรารักกันเราชนะ เป็นต้นลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการข้างต้นสามารถลงทะเบียนผ่าน www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการคลัง ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของ โครงการเราชนะ ที่กำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ว่า ณ วันที่16 มิ.ย.ถุนายน 2564 ซึ่งมีการใช้จ่ายแล้ว รวมทั้งสิ้น 269,318 ล้านบาท โดยแยกได้ ดังนี้
1) ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคนได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมาจำนวน100,590 ล้านบาท
2) ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่งและกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้วจำนวน17.1 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.เป็นต้นมา จำนวน 148,355 ล้านบาท
และ 3) ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.4 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.เป็นต้นมา จำนวน 20,373 ล้านบาท
โดยมีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการเราชนะที่ใช้จ่ายจนครบวงเงินสิทธิ์แล้วจำนวน 23.6 ล้านคนจากจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ทั้งหมด 33.2 ล้านคน
โฆษกกระทรวงการคลัง ยังย้ำด้วยว่า โครงการเราชนะจะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย. จึงขอให้ประชาชนที่ยังมีวงเงินสิทธิ์เหลือสำรวจวงเงินสิทธิ์คงเหลือของท่านและวางแผนใช้จ่ายให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด.