ธ.ก.ส.รับทำประกันฯข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี’64
ธ.ก.ส. รับลูกมติ ครม. เดินหน้าประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี’ 64 หนุนเกษตรกรสร้างภูมิคุ้มกัน ลดคความเสี่ยงจาก 7 อุบัติภัย ย้ำ! รัฐหนุน 96 บาทต่อไร่ ส่วนลูกค้า ธ.ก.ส. ได้สิทธิ์ฟรี! แนะทำประกันภัยเพิ่มขยายวงเงินคุ้มครองได้อีก เริ่มแล้วผ่านแอปฯ BAAC INSURE และที่สาขา ธ.ก.ส. ทั่วไทย
นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผจก.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวถึง มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ว่า ได้เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2564 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการสร้างภูมิคุ้มกันและเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการผลิต โดยใช้การประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติและโรคระบาด พื้นที่เป้าหมาย 2.92 ล้านไร่ ให้ความคุ้มครองในกรณีเกิดภัยธรรมชาติ 7 ภัย
ได้แก่ ภัยน้ำท่วม/ฝนตกหนัก ภัยแล้ง/ฝนแล้ง/ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ/พายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาว/น้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และช้างป่า วงเงิน 1,500 บาทต่อไร่ และกรณีเกิดภัยศัตรูพืช/โรคระบาด วงเงินคุ้มครอง 750 บาทต่อไร่
สำหรับ เงื่อนไขโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2564 เกษตรกรที่เป็นผู้เอาประกันภัยต้องขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2564/65 กับกรมส่งเสริมการเกษตรหรือที่สำนักงานเกษตรอำเภอ ทั้งนี้ รัฐบาลอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้กับเกษตรกรทุกรายในอัตรารายละ 96 บาทต่อไร่ ซึ่งการรับประกันภัยประกอบด้วย การประกันภัยขั้นพื้นฐาน (Tier 1) กรณีเกษตรกรลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อ ธ.ก.ส. คิดอัตราค่าเบี้ยประกันภัย 160 บาทต่อไร่ เท่ากันทุกพื้นที่ความเสี่ยง โดยทุกๆ ยอดสินเชื่อจำนวน 4,000 บาท ธ.ก.ส. จะอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้ 64 บาทต่อไร่
ทั้งนี้ เมื่อรวมกับเบี้ยประกันภัยที่รัฐบาลสนับสนุน ทำให้เกษตรกรได้รับประกันภัยฟรี กรณีเกษตรกรทั่วไปและเกษตรกรลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ที่ประสงค์ซื้อเพิ่ม (ส่วนเกินสิทธิ์จากที่ธนาคารกำหนด) จ่ายค่าเบี้ยประกันภัยตามประเภทพื้นที่ ได้แก่ พื้นที่เสี่ยงต่ำ อัตราค่าเบี้ยประกันภัย 150 บาทต่อไร่ พื้นที่เสี่ยงปานกลาง 350 บาทต่อไร่ และพื้นที่เสี่ยงสูง 550 บาทต่อไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม)
นอกจากนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความรุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน รัฐบาลจึงสนับสนุนให้เกษตรกรทำประกันภัยส่วนเพิ่ม (Tier 2) พื้นที่เป้าหมาย 6 หมื่นไร่ เพื่อให้สามารถรับความคุ้มครองที่มากขึ้น ซึ่งแบ่งตามระดับความเสี่ยง ค่าเบี้ยประกันกรณีพื้นที่เสี่ยงต่ำ 90 บาทต่อไร่ พื้นที่เสี่ยงปานกลาง 100 บาทต่อไร่ และพื้นที่เสี่ยงสูง 110 บาทต่อไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยจะได้รับวงเงินคุ้มครองเมื่อเกิดภัยธรรมชาติเพิ่มอีกในวงเงิน 240 บาทต่อไร่ และกรณีเกิดภัยศัตรูพืช/โรคระบาด ได้รับวงเงินคุ้มครองเพิ่ม 120 บาทต่อไร่ ระยะเวลาขายกรมธรรม์ รอบ 1 (ข้าวโพดฯ ฤดูฝน) ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 31 พฤษภาคม 2564 และรอบ 2 (ข้าวโพดฯ ฤดูแล้ง) ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 – 15 มกราคม 2565
“เพื่ออำนวยความสะดวกกับเกษตรกรผู้ที่ได้รับสิทธิ์ประกันภัยฟรี ไม่ต้องมาติดต่อธนาคาร โดย ธ.ก.ส. จะดำเนินการให้ทั้งหมด ส่วนเกษตรกรทั่วไปและเกษตรกรลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ที่ประสงค์ซื้อเพิ่ม (ส่วนเกินสิทธิ์จากที่ธนาคารกำหนด) สามารถซื้อประกันภัยและตรวจสอบสิทธิ์แปลงที่ได้รับการอุดหนุนผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน “BAAC INSURE” ในสมาร์ทโฟนทั้งระบบปฏิบัติการ IOS และ Android เพื่ออำนวยความสะดวกให้เกษตรกรสามารถใช้บริการให้ง่ายยิ่งขึ้น หรือขอทำประกันภัยได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ” นายธนารัตน์ ย้ำ ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.baac.or.th.