คปภ.รับลูกครม. รุกประกันฯข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี’64
คปภ.ขานรับมติครม. เดินหน้าโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ วงเงิน 311.41 ล้านบาท หวังช่วยเหลือเกษตรกรสู้ภัยธรรมชาติ เผย! เลขาฯสุทธิพล ลงนามอนุมัติแบบกรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2564 แล้ว พร้อมดึง 16 บริษัทประกันฯชั้นนำร่วมโครงการนี้
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กล่าวถึง มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ที่เห็นชอบดำเนินโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ฤดูการผลิต 2564 วงเงิน 311.41 ล้านบาท โดยมีพื้นที่เป้าหมายรับประกันภัยรวม 2.92 ล้านไร่ และ ให้สำนักงาน คปภ.ปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้เป็นไปตามรูปแบบ และหลักเกณฑ์การรับประกันภัยของโครงการฯ ปีการผลิต 2564 อนุมัติกรมธรรม์และอัตราเบี้ยประกันภัยให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถเริ่มรับประกันภัยในปีการผลิต 2564 ได้ทันที รวมถึงดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนประชาสัมพันธ์โครงการฯ ในภาพรวมและเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุด สำนักงาน คปภ. ได้เตรียมความพร้อมและเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฯ ตามนโยบายของรัฐบาลแล้ว โดยเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ตนในฐานะนายทะเบียนได้ลงนามในคำสั่งนายทะเบียนที่ 21/2564 เรื่อง กำหนดแบบและข้อความกรมธรรม์ของประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2564 เพื่อกลุ่มเกษตรกรและอัตราเบี้ยประกันภัย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จำนวน 3 แบบกรมธรรม์ ดังนี้
1. กรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2564 เพื่อกลุ่มลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
2. กรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2564 สำหรับกลุ่มเกษตรกรรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์)
3. กรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2564 สำหรับกลุ่มเกษตรกรรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ส่วนเพิ่ม
โครงการฯ ปีการผลิต 2564 ได้กำหนดอัตราเบี้ยประกันภัย (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) ออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1(Tier 1) อัตราเบี้ยประกันภัยพื้นฐาน สำหรับลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของ ธ.ก.ส. มีอัตราเบี้ยประกันภัย 160 บาท/ไร่ ซึ่งจะได้รับการอุดหนุนเบี้ยประกันภัยจากภาครัฐ 96 บาท/ไร่ และจาก ธ.ก.ส. อีก 64 บาท/ไร่ และอัตราเบี้ยประกันภัยพื้นฐาน สำหรับลูกค้าเกษตรกรทั่วไป มีอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับเขตพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ 150 บาท/ไร่ ความเสี่ยงปานกลาง 350 บาท/ไร่ และความเสี่ยงสูง 550 บาท/ไร่ ซึ่งจะได้รับการอุดหนุนเบี้ยประกันภัยจากภาครัฐ 96 บาท/ไร่ และ ส่วนที่ 2 (Tier 2) อัตราเบี้ยประกันภัยภาคสมัครใจ สำหรับเกษตรกรที่ต้องการเอาประกันภัยเพิ่มเติมจาก Tier 1 โดยแบ่งอัตราค่าเบี้ยประกันภัยเป็น 3 อัตรา ตามระดับความเสี่ยงภัยในแต่ละพื้นที่ คือ 90 บาท/ไร่ 100 บาท/ไร่ และ 110 บาท/ไร่ ตามลำดับ
ในส่วนของ วงเงินความคุ้มครองคงเดิม คือ วงเงินความคุ้มครองสำหรับ Tier 1 อยู่ที่ 1,500 บาท/ไร่ สำหรับภัยธรรมชาติทั้งหมด 7 ภัย ได้แก่ 1) ภัยน้ำท่วมหรือฝนตกหนัก 2) ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง 3) ภัยลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น 4) ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง 5) ภัยลูกเห็บ 6) ภัยไฟไหม้ 7) ภัยช้างป่า สำหรับภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด อยู่ที่ 750 บาท/ไร่ และวงเงินความคุ้มครองสำหรับ Tier 2 อยู่ที่ 240 บาท/ไร่ สำหรับภัยธรรมชาติทั้งหมด 7 ภัย และสำหรับภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด อยู่ที่ 120 บาท/ไร่ โดยกำหนดวันเริ่มจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูฝน ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบโครงการฯ จนถึงไม่เกินวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 และกรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูแล้ง เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 จนถึงไม่เกินวันที่ 15 มกราคม 2565 ซึ่งเกษตรกรสามารถซื้อกรมธรรม์ประกันภัยได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา
ทั้งนี้ มีบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการฯ ปีการผลิต 2564 จำนวน 16 บริษัท ได้แก่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย บมจ.กรุงไทยพานิชประกันภัย บมจ.ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) บมจ.ทิพยประกันภัย บมจ.ไทยไพบูลย์ประกันภัย บมจ.ไทยศรีประกันภัย บมจ.นวกิจประกันภัย บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ บมจ.ฟอลคอนประกันภัย บมจ.มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันส์ บมจ.เมืองไทยประกันภัย บมจ.วิริยะประกันภัย บมจ.สินมั่นคงประกันภัย บมจ.อาคเนย์ประกันภัย บมจ. แอกซ่าประกันภัย และ บมจ.แอลเอ็มจีประกันภัย
เลขาธิการ คปภ. กล่าวอีกว่า เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เกษตรกรและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามโครงการฯ ปีการผลิต 2564 สำนักงาน คปภ. จึงได้ดำเนินการขับเคลื่อนร่วมกับโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2564 ตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการฯ ไปก่อนหน้านี้ โดยจัดทำโครงการ “อบรมความรู้ประกันภัย Training for the Trainers” ซึ่งทุกๆ ปีจะเป็นการลงพื้นที่ตามภาคต่างๆ เพื่อให้ความรู้ด้านประกันภัยกับเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ส่วนงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
แต่เนื่องจากปีนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงมีความรุนแรง ส่งผลให้ในหลายจังหวัดของประเทศไทยกำหนดมาตรการเข้มงวดในการจัดกิจกรรมต่างๆ สำนักงาน คปภ. จึงได้ปรับวิธีการให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยจัดทำความรู้เกี่ยวกับการประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผ่านช่องทางสื่อต่างๆ เพื่อเพิ่มช่องทางให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
เช่น การจัดทำสื่อวีดิทัศน์ในรูปแบบกราฟฟิกเคลื่อนไหว (motion graphic) การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเกษตรกร (influencer) ในการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ความรู้ การจัดทำสื่อความรู้ในรูปแบบคลิปเสียง การจัดทำข้อมูลความรู้เพื่อเผยแพร่ผ่าน Application “กูรูประกันข้าว” โดยสามารถดาวน์โหลดผ่าน QR code รวมถึงการผลิตสื่อความรู้ในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ พร้อมทั้งได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเผยแพร่ สื่อความรู้ต่างๆ ผ่านช่องทางที่เข้าถึงเกษตรกรให้มากที่สุด“สำนักงาน คปภ. ขอเชิญชวนเกษตรกรทุกท่านทำประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อลดผลกระทบความเสียหายจากภัยต่างๆ เช่น ภัยธรรมชาติ ภัยจากศัตรูพืช หรือภัยจากโรคระบาดต่างๆ ซึ่งในปีนี้การจัดทำประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีทั้งแบบกรมธรรม์ที่รัฐบาลให้การอุดหนุนเบี้ยประกันภัยและแบบที่เกษตรกรสามารถซื้อเพื่อเพิ่มความคุ้มครองเอง ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186”เลขาธิการ คปภ. ระบุ.