ครม.สั่งจ่ายเราชนะ “2พัน” เริ่ม 20-21 พ.ค.นี้
ครม.หนุนวงเงินสิทธิ์เพิ่มเติมโครงการเราชนะ จ่ายงวดละพัน 2 งวด รวม “2 พัน” โอนให้อัตโนมัติ เริ่ม 20 พ.ค.ในกลุ่มเป๋าตัง และ 21 พ.ค.กับกลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มพิเศษ ใช้จ่ายถึง 30 มิ.ย.นี้ ด้าน “โฆษกคลัง” แนะกลุ่มที่หลุดหรือถอนสิทธิ์ สมัครรับสิทธิ์ใหม่ได้เลย
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะ โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเราชนะ ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้สนับสนุนวงเงินสิทธิ์เพิ่มเติมให้แก่ผู้ได้รับสิทธิ์ภายใต้โครงการเราชนะ ที่ไม่เคยขอสละสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการฯ คนละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ รวมเป็นเงิน 2,000 บาท โดยประชาชนจะได้รับการโอนวงเงินสิทธิ์ตามช่องทางที่เคยได้รับของแต่ละกลุ่มโดยอัตโนมัติ
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนกลุ่มที่รับสิทธิ์ผ่านทางแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” จะได้รับการโอนวงเงินสิทธิ์ในวันพฤหัสบดีที่ 20 และ 27 พฤษภาคม 2564 และ สำหรับประชาชนกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษหรือกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน จะได้รับการโอนวงเงินสิทธิ์ในวันศุกร์ที่ 21 และ 28 พฤษภาคม 2564 โดยวงเงินสิทธิ์ที่ได้รับสนับสนุนเพิ่มเติมดังกล่าวสามารถใช้จ่ายได้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564
โฆษกกระทรวงการคลัง ย้ำว่า ประชาชนกลุ่มรับสิทธิ์ผ่านทางแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ที่ได้ถอนการติดตั้ง (Uninstalling) แอปพลิเคชันไปแล้ว สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ที่ได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ ได้จนถึงระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการฯ
ส่วนความคืบหน้าของโครงการฯ ณ วันที่ 11 พฤษภาคม มีดังนี้
1) ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 73,843 ล้านบาท
2) ประชาชนกลุ่มแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และคนละครึ่ง และประชาชนกลุ่มผู้ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 16.8 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 115,724 ล้านบาท
และ 3) ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.4 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 15,461 ล้านบาท
ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการฯ แล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน 32.9 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 205,028 ล้านบาท และมีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการฯ ที่ใช้จ่ายจนครบวงเงินสิทธิ์แล้ว จำนวน 25.2 ล้านคน ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.3 ล้านกิจการ.