คลังระงับ 3 พันร้านค้า “เราชนะ” หลังพบส่อโกง!
คลังสั่งระงับสิทธิชั่วคราว “เฉียด 3 พันร้านค้า” ร่วมโครงการเราชนะ หลังพบพฤติกรรมฉ้อฉล เผย! เปิดให้ยื่นตรวจสอบข้อเท็จจริง ภายใน 14 พ.ค. ย้ำ! หลังจากนั้น นอกจากถูกตัดสิทธิ์แล้ว ยังโดนคดีตามมาอีก
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะ โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบผู้ประกอบการตามโครงการเราชนะ ว่า กระทรวงการคลังได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนและหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐว่ามีผู้ประกอบการที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการเราชนะที่ผ่านมา
จากนั้น กระทรวงการคลังได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมและระงับสิทธิการเข้าร่วมโครงการของผู้ประกอบการแล้วทั้งสิ้น 161 รายและได้จัดส่งข้อมูลผู้ประกอบการดังกล่าวให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานประกันสังคม เป็นต้น เพื่อใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและขยายผลการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 กระทรวงการคลังได้ระงับสิทธิชั่วคราวการเข้าร่วมโครงการของผู้ประกอบการเพิ่มเติมอีก 2,744ราย เนื่องจากตรวจพบธุรกรรมที่มีความผิดปกติและเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการเราชนะ
ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการเราชนะ ได้ตรวจสอบการระงับสิทธิ โดยการเข้าใช้แบนเนอร์ “เราชนะ” ในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” โดยหากท่านถูกระงับการใช้งาน ขอให้ผู้ประกอบการดำเนินการตามข้อความแนะนำที่ปรากฏขึ้นใน แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” เพื่อเข้าสู่กระบวนการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป
และขอให้ผู้ประกอบการซึ่งถูกระงับสิทธิชี้แจงข้อเท็จจริงมายัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (โครงการเราชนะ) ภายในวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 หากพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้วกระทรวงการคลังจะดำเนินการตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยวิธีการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการเราชนะ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการอาจเสียสิทธิในการเข้าร่วมโครงการเราชนะและถูกตรวจสอบขยายผลสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
“กระทรวงการคลังจะเร่งติดตามตรวจสอบประชาชนและผู้ประกอบการที่เข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงกาฯรอย่างใกล้ชิดจึงขอความร่วมมือจากประชาชนและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการของกระทรวงการคลังปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของแต่ละโครงการอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้เสียสิทธิการเข้าร่วมโครงการหรือมาตรการอื่นของรัฐในอนาคตและถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย” โฆษกกระทรวงการคลัง ย้ำ.