รมช.คลังปลื้ม! เร่งชงสวนเบญจกิติให้นายกฯ-ครม.หนุนต่อ
“รมช.คลัง” ปลื้ม! งานจัดสร้างสวนสาธารณะ “เบญจกิติ” ระยะที่ 2 – 3 คืบหน้าไปมาก คาดแล้วเสร็จทันเฉลิมฉลอง 12 สิงหาฯนี้ ตั้งแท่นชงเรื่องให้นายกฯและครม.รับทราบ ก่อนดึง “หอชมเมืองฯ” ลงพื้นที่ ด้าน “ยุทธนา หยิมการุณ” รับลูก! เร่งประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขับเคลื่อนแผนงานตามกรอบเวลาที่กำหนด
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวหลังลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าการจัดสร้าง สวนสาธารณะ “เบญจกิติ” ระยะที่ 2 – 3 ว่า ส่วนตัวพอใจการดำเนินงานที่ กรมธนารักษ์และการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) มอบหมายให้กองทัพบก โดยกองบัญชาการกองพลพัฒนาที่ 1 ดำเนินการก่อสร้างโครงการนี้ ซึ่งความเป็นมืออาชีพและประสบการณ์ปลูกป่าของกองทัพบก ทำให้โครงการฯมีควาบคืบหน้าอย่างมาก โดยในส่วนระยะที่ 2 ครอบคลุมงานโครงสร้างและภูมิสถาปัตย์ ที่ใช้เวลามากกว่างานส่วนอื่นๆ กระนั้น ก็แล้วเสร็จราว 48% ของเนื้องานส่วนนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้เกี่ยวข้องยืนยันว่า การดำเนินส่วนที่เหลือจะแล้วเสร็จครบ 100% ภายในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2564 ทันก่อนส่งมอบเพื่อเตรียมจัดงานเฉลิมฉลองในวันที่ 12 สิงหาคมอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้กรมธนารักษ์เร่งดำเนินการจัดทำวิดีทัศน์สรุปเนื้องานทั้งหมด เพื่อนำเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานโครงการจัดสร้างสวนเบญจกิติฯ และคณะรัฐมนตรีได้พิจารณา คาดว่าจะแล้วเสร็จทันเสนอให้พิจารณาภายหลังเทศกาลสงกรานต์อย่างแน่นอน
“โชคดีที่แผนจัดสร้างหอชมเมืองของกรุงเทพมหานครในฝั่งธนบุรีมีอันต้องล้มเลิกไป ดังนั้น จึงมีโอกาสสูงที่จะเสนอแผนจัดสร้างหอชมเมืองฯดังกล่าวในพื้นที่ของสวนฯ “เบญจกิติ” แต่เพราะเป็นโครงการที่เพิ่มเติมขึ้นมาใหม่และต้องใช้งบประมาณที่สูง จึงต้องเสนอให้ ฯพณฯนายกรัฐมนตรี และครม.ได้พิจารณา ส่วนจะจัดวางในพื้นที่ส่วนใดของสวนฯ “เบญจกิติ” นั้น คงต้องให้ทางผู้ออกแบบพิจารณาความเหมาะสมอีกที” นายสันติ ย้ำและว่า…
หากไม่ใช่วิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้บริหารประเทศชุดนี้ โอกาสจะนำที่ดินแปลงใหญ่ใจกลางเมือง และมีมูลค่าสูงนับแสนล้านบาท มาจัดสร้างเป็นสวนสาธารณะ ในฐานะ “ปอดแห่งใหม่” ของกรุงเทพฯ คงจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน สิ่งนี้ ไม่เพียงจะเป็นสวนป่าแห่งใหม่ รวมถึงเป็นพื้นที่ออกกำลังกายและกิจกรรมสันทนาการให้กับคนกรุงเทพฯและคนไทยทุกคนแล้ว ยังถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างดี
รมช.คลัง ระบุด้วยว่า สวนฯ “เบญจกิติ” จะถูกเชื่อมกับสวนสาธารณะอื่นๆ ซึ่งก่อนหน้านี้มีสะพานเขียวเชื่อมกับสวนลุมพินี โดยจากนี้ จะเชื่อมกับสวนฯ “เบญจสิริ” และพื้นที่สกายวอล์ค ตามแนวรถไฟฟ้า BTS ที่อยู่ใกล้เคียง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวกรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้เข้าบริการสวนเบญจกิติได้ง่ายขึ้น
ด้าน นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า เมื่อปี 2534 ครม.มีมติเห็นชอบให้ย้ายโรงงานยาสูบทั้งหมดไปอยู่ส่วนภูมิภาค และให้พัฒนาพื้นที่ 430 ไร่ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ สวนน้ำ (เนื้อที่ 130 ไร่) และสวนป่า (เนื้อที่ 300 ไร่) กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ได้ดำเนินการจัดสร้างสวนสาธารณะ ตามการส่งมอบพื้นที่ของ ยสท. โดยเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547
สำหรับสวนป่า “เบญจกิติ” แบ่งเป็น 3 ระยะ โดย ยสท.เป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง วงเงิน 950 ล้านบาท โดย ระยะที่ 1 เนื้อที่ 61 ไร่ แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2559 และ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2559 รัฐบาลได้จัดกิจกรรมงานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน และได้ส่งมอบพื้นที่สวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ 1 เนื้อที่ 61 ไร่ ให้กรุงเทพมหานครเป็นผู้ดูแลบำรุงรักษาด้วยเช่นกัน
ส่วน ระยะที่ 2 – 3 เป็นการดำเนินการก่อสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” เนื้อที่ประมาณ 259 ไร่ โดยโครงการฯ ในระยะที่ 2 – 3 ได้แบ่งขอบเขตงานออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 เป็นการดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 ถึงเดือนมิถุนายน 2564 เพื่อให้มีช่วงเวลาสำหรับเตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวันที่ 12 สิงหาคม 2564
และช่วงที่ 2 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 จะเป็นการดำเนินการในส่วนงานสวนที่เหลือ งานปรับปรุงอาคารเดิมให้เป็นอาคารกีฬาและอาคารพิพิธภัณฑ์ และเพื่อให้การก่อสร้างสวนป่าแล้วเสร็จตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้ และสามารถจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ ในวันที่ 12 สิงหาคม 2564 ได้ กรมธนารักษ์ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการอำนวยการจัดสร้างฯ จึงขอความร่วมมือจากกองทัพบก เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ 2 – 3 เนื้อที่ประมาณ 259 ไร่ โดยได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563
สำหรับการออกแบบนั้น บริษัท สถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อม อาศรมศิลป์ ได้ออกแบบภายใต้แนวคิดในการสืบสานพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการปลูกป่าในใจคน ด้วยการเป็นสวนป่าสำหรับคนเมือง (Urban Forest) สวนป่าเชิงนิเวศที่ใช้ศักยภาพจากต้นไม้เดิมในพื้นที่ที่เก็บรักษาไว้ จำนวน 1,733 ต้น และการปลูกต้นไม้เพิ่มในพื้นที่โครงการฯ 7,155 ต้น พรรณไม้ประมาณ 250 ชนิด
โดยได้กำหนดพรรณไม้ใหญ่ในแต่ละจุดเพื่อสร้างเอกลักษณ์ของสวนป่าให้มีความโดดเด่นให้ภายในสวนป่ามีต้นไม้หลากสี สลับและเปลี่ยนไปหมุนเวียนกันแต่ละฤดู เช่น ต้นรวงผึ้ง ชมพูพันธุ์ทิพย์ หางนกยูงฝรั่ง ตะเคียนทอง นนทรี ราชพฤกษ์ เสม็ดขาว จิกน้ำ อินทนิลน้ำ รวมทั้ง ไม้น้ำหลากหลายชนิดพันธุ์
และ เพื่อให้สวนป่าแห่งนี้สามารถดำรงอยู่ได้ด้วยตนเอง จึงได้ออกแบบให้มีบึงน้ำ จำนวน 4 บึง เพื่อเป็นพื้นที่รองรับน้ำและจะเป็นพื้นที่รองรับน้ำขนาดใหญ่ของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ได้ออกแบบทางเดินศึกษาธรรมชาติลัดเลาะไปตามต้นไม้ใหญ่ ระยะทางรวม 5.8 กิโลเมตร ทางวิ่งระยะทางรวม 2.8 กิโลเมตร ทางจักรยานระยะทางรวม 3.4 กิโลเมตร มีแนวต้นไม้กั้นไว้ระหว่างกันให้เป็นสัดส่วน และสามารถใช้ทางเดินลอยฟ้า ระยะทาง 1.6 กิโลเมตร เป็นเส้นทางเดิน ทางวิ่ง ทางจักรยาน เชื่อมไปยังพื้นที่สวนน้ำ “เบญจกิติ” ได้
สำหรับงานสถาปัตยกรรมได้ ออกแบบอาคารโรงงานผลิตยาสูบเดิมให้เป็นพิพิธภัณฑ์ มีพื้นที่สำหรับการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และปรับพื้นที่ภายในอาคารให้เปิดโล่งโดยเพิ่มพื้นที่สีเขียวในอาคารมากขึ้น สำหรับอาคารโกดังเดิม จำนวน 3 หลังได้ปรับปรุงเป็นอาคารกีฬา โดยเปิดพื้นที่กลางอาคารให้โปร่ง โล่ง ใช้แนวคิดออกแบบอาคารเขียว รวมทั้งการออกแบบพื้นที่รองรับกิจกรรมของประชาชน บริเวณลานอัฒจันทร์ รองรับได้ 15,153 คน และลานด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ รองรับได้ 3,083 คน
“ได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการดำเนินโครงการต่างๆ ให้เร่งรัดการดำเนินงานให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะการก่อสร้างสวนป่าเบญจกิติ ที่จะต้องให้แล้วเสร็จก่อนการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวันที่ 12 สิงหาคม 2564 นี้ พร้อมกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ของกรมธนารักษ์ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี” นายยุทธนา ย้ำ
อนึ่ง การตรวจความคืบหน้าในการจัดสร้างสวนเบญจกิติ เมื่อช่วงสายวันที่ 5 เมษายน 2564 นอกจาก นายสันติ และนายยุทธนา แล้ว ยังมี นางศุกร์ศิริ บุญญเศรษฐ์ รองอธิบดีด้านที่ราชพัสดุ นายคณาวุฒิ สิติธีรพันธุ์ ผอ.กองบริหารที่ราชพัสดุกรุงเทพมหานคร นายบุญชอบ วิเศษปรีชา ผอ.กองพัฒนาและบำรุงรักษาอาคารราชพัสดุ นางพวงพกา ร้อยพรมมา เลขานุการกรมและคณะ
รวมถึง ผู้แทนจากกองทัพบก ประกอบด้วย พล.ต.ฐกัด หลอดศิริ รองแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ไพรัช โอฬารไพบูลย์ ผบ.กองพลพัฒนาที่ 1 พ.อ.ชุติภัทร วรรณทอง รองเสนาธิการกองพลพัฒนาที่ 1 และคณะ และ ผู้แทนจากการยาสูบแห่งประเทศไทยประกอบด้วย นายภาณุพล รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการ ยสท. นายอัฏฐเดช ดีสวาท รองผู้ว่าการด้านบริหารจัดการผลิต นายปรีชา บูชาธรรม ผอ.ฝ่ายบริหารกลาง และคณะ ผู้แทนบริษัท สถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อม อาศรมศิลป์ จำกัด และ ผู้แทน บมจ.สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ ในฐานะบริษัทผู้ออกแบบและที่ปรึกษาบริหารโครงการฯ ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าการจัดสร้าง สวนสาธารณะ “เบญจกิติ” ระยะที่ 2 – 3.