ใกล้ปิดคนละครึ่ง ยอดใช้เงินพุ่ง! ลุ้นต่อภาค 3

โฆษกคลังสรุปก่อนปิด “คนละครึ่งเฟส 2” 31 มี.ค.นี้ สรุป! พบยอดใช้สิทธิ 14.79 ล.คน วงเงินเฉียดแสนล. ไหลกระตุ้นเศรษฐกิจไทย แยกเป็นเม็ดเงินจากกระเป๋าประชาชน 5 หมื่นล.เศษ ส่วนงบรัฐ 4.82 หมื่นล. ร้านค้าร่วมโครงการ 1.5 ล.แห่งทั่วไทย ลุ้นต่อ! “ลุงตู่” เปิดเฟสใหม่กวาดคะแนนเสียงคนไทย? ด้าน “เราชนะ” ยอดใช้จ่ายล่าสุด 1.48 แสนล. จากผู้ใช้สิทธิ์ 32.4 ล้านคน

ใกล้สิ้นสุดโครงการแล้ว สำหรับ “คนละครึ่ง” โครงการที่พูดได้ว่า…กวาดหัวใจคนไทยได้ทั่วประเทศ
ใครที่ติดใจ โครงการ “หาร 2” ระหว่าง…ภาครัฐและประชาชน ล่ะก็…ต้องลุ้นกันต่อว่าจะมีภาคต่อไป (ภาค 3) หรือไม่?
แว่วมาว่า…โครงการดีๆ เยี่ยงนี้ “รัฐบาลลุงตู่” จะไม่ปล่อยให้ “คะแนนเสียง (สะสม)” จากหัวใจประชาชน หลุดมือเป็นแน่!
ล่าสุด “โฆษกกระทรวงการคลัง” น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สรุปประเมินผลของ โครงการคนละครึ่ง ว่า ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ และฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานรากทั่วประเทศ ข้อมูล ณ วันที่ 21 มีนาคม 2564 พบว่า มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกว่า 1.5 ล้านร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิจำนวน 14,793,502 คน
โดยเป็นการใช้จ่าย 3,000 บาทขึ้นไป 12,530,056 คน และใช้จ่ายครบ 3,500 บาท 6,315,918 คน ยอดการใช้จ่ายสะสม 98,860 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 50,610.3 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 48,249.7 ล้านบาท

จังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี สมุทรปราการ สงขลา และเชียงใหม่
“โครงการคนละครึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2564 จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนที่ยังมีวงเงินเหลือเร่งใช้จ่ายให้ครบ 3,500 บาท หากพ้นกำหนดดังกล่าวจะไม่สามารถใช้สิทธิวงเงินที่เหลือได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการรักษาสิทธิของท่านแล้ว ยังเป็นการช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากผ่านการบริโภคภายในประเทศอีกด้วย” โฆษกกระทรวงการคลัง ย้ำ
ส่วนความคืบหน้าของโครงการเราชนะ ณ วันที่ 22 มีนาคม 2564 มีดังนี้
1) ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 58,234 ล้านบาท

2) ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 16.7 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 82,681 ล้านบาท
และ 3) ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.0 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 6,886 ล้านบาท
ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการฯ แล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน 32.4 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 147,801 ล้านบาท
โดยเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.2 ล้านกิจการ.