ปตท.อุ้มครัวเรือและหาบเร่จ่ายส่วนต่างแก๊สหุงต้ม

ปตท.ชดเชยส่วนต่างแอลพีจีเฉียดเดือนละ 50 ล. หลัง กบง.คงมาตรการลดแอลพีจีอุ้มภาคครัวเรือและหาบเร่แผงลอย พร้อมปรับลดเงินเข้ากองทุนน้ำมันกลุ่มเบนซินและโซฮอล์ ด้าน นายทวารัฐ ยัน คงเงินกองทุนน้ำมันที่ 3 หมื่น ล. รับมือราคาน้ำมันโลกพุ่งช่วงปลายปี
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผอ.สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี รมว.พลังงาน เป็นประธาน ว่า มติที่ประชุมฯเห็นชอบแนวทางลดผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน โดยต่ออายุโครงการรักษาระดับราคาแอลพีจีให้กับภาคครัวเรือนที่มีรายได้น้อยราว 7,569,867 ครัวเรือน ที่ราคา 363 บาทต่อถัง 15 กก. จนกว่าราคาแอลพีจีตลาดโลกจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมต่ออายุโครงการลดราคาแอลพีจีให้แก่ผู้ประกอบการอาชีพขายอาหารขนาดเล็ก(หาบเร่ แผงลอย) อีก 395,544 ร้าน ที่ราคา 325 บาทต่อถังจนถึง 31 ธ.ค.2561 โดยมีผลตั้งแต่ 11มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง 2โครงการจะใช้เงินจำนวน 49 ล้านบาทต่อเดือน โดยเป็นเงินที่ได้รับการชดเชยจาก บมจ.ปตท.
ทั้งนี้ กบง.ยังเห็นชอบการปรับปรุงอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของกลุ่มน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ โดยปรับลดการชดเชยควบคู่กับปรับลดค่าการตลาดน้ำมันในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดอีก 37 ส.ต.ต่อหน่วย ทำให้อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันใหม่ คือ แก๊สโซฮอล์ 95 ที่ 6.68 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 ที่ 0.72 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 ที่ 0.72 บาทต่อลิตร, E20 เปลี่ยนเป็นอุดหนุนลดลงเหลือ 2.63 บาทต่อลิตร E85 อุดหนุนลดเหลือ 8.98 บาทต่อหน่วย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกแต่อย่างใด
นายทวารัฐกล่าว ย้ำว่า กบง.ต้องการสำรองเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ระดับ 30,000 ล้านบาทเพื่อที่จะเตรียมพร้อมรองรับน้ำมันขาขึ้นในช่วงปลายปี โดยเฉพาะดีเซลที่รัฐบาลจะรักษาเสถียรภาพราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยขณะนี้ มีเงินกองทุนน้ำมันฯประมาณ 30,376 ล้านบาท และสามารถจะตรึงราคาพลังงานได้จนถึงสิ้นปีนี้.