กรุงศรีฯชี้ค่าเงินบาทแข็ง-ดบ.พุ่งแตะ 2%
แบงก์กรุงศรีฯคาดจีดีพีไทยปีนี้โต 3.7% ชี้ฐานตัวเลขเศรษฐกิจไทยส่อเค้าดีเกือบทุกตัว ระบุเงินบาทแข็งค่าตามสกุลเงินภูมิภาค ด้าน “ตรรก บุนนาค” ฟันธง กนง.-แบงก์ชาติ ปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบาย 2 รอบ ขยับจาก 1.5% เป็น 2% ช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า แนะลูกค้าแบงก์เร่งศึกษาบล็อกเชน อิงประโยชน์ให้มากที่สุด
นายตรรก บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ต ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวถึงสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและแนวโน้มตลาดการเงินของไทยช่วงครึ่งหลังปี 2561 ว่า มีสัญญาณและแนวโน้มดีขึ้นในหลายๆ ส่วน ทั้งการลงทุนภาครัฐ การท่องเที่ยว การบริโภคของประชาชน การส่งออกและนำเข้า ราคาสินค้าการเกษตร ฯลฯ โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อการลงทุนในเมกกะโปรเจ็กต์ต่างๆ ตามแผนยุทธศาสตร์ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา คาดว่าสิ่งนี้จะส่งผลทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปีนี้โตขึ้นร้อยละ 3.7 ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับมุมมองของธนาคารแห่งประเทศไทยและสภาพัฒน์
นอกจากนี้ ทิศทางตัวเลขเศรษฐกิจของโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าและอัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในช่วงขาขึ้นและมีแนวโน้มที่ดี ส่งผลต่อค่าเงินบาทของไทยทำให้มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น สอดรับกับค่าเงินของหลายประเทศในภูมิภาคนี้ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์กลับมีทิศทางที่อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยบางตัวที่ยังต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันดิบและทองคำในตลาดโลก ซึ่งในส่วนของราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่ประเทศผู้ผลิตจะคงปริมาณการผลิตในสัดส่วนเดิม อย่างไรก็ตาม คงต้องโฟกัสไปที่นโยบายของโอเปคและสหรัฐอเมริกาว่าจะตัดสินใจเชิงนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร
นายตรรกยังคาดการณ์อีกว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ เมื่อเริ่มมองเห็นความชัดเจนของการเมืองไทยที่มีแนวโน้มเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้า ย่อมส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย และค่าเงินบาท สำหรับอัตราดอกเบี้ยนั้น แม้ขณะนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่มีนโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากเดิมที่ 1.5% แต่เชื่อว่าภายในปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า กนง.น่าจะปรับดอกเบี้ยนโยบายครั้งละ 0.25% รวม 2 ครั้ง ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยนโบายของไทยอยู่ที่ 2.0% ต่อปี ซึ่งยังเป็นอัตราที่ไม่สูงจนเกินไปนัก เมื่อเทียบกับประเทศในเอเชียและอาเซียนบางประเทศ
ในส่วนสายงานด้านโกลบอลมาร์เก็ต ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเอง ก็เน้นสร้างทางเลือกเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศกับเพื่อนบ้านอาเซี่ยน เช่น มาเลเซียและอินโดนีเซีย ด้วยการให้บริการแลกเปลี่ยนเงินและบริหารเงินสกุลท้องถิ่นระหว่างเงิน 2 สกุล หรือ ACCD คือ เงินบาทกับเงินริงกิต มาเลเซีย และรูเปียส อินโดนีเซีย
โดยเริ่มดำเนินการกับเงินริงกิต ตั้งแต่ปลายปีก่อนต่อเนื่องจนถึงต้นปีที่นี้ ส่วนบาทกับรูเปียเพิ่งจะเริ่มดำเนินเมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็ตาม การทำธุรกรรม ACCD ยังมีจำนวนลูกค้าและวงเงินที่ไม่สูงนัก เนื่องจากส่วนใหญ่ลูกค้ายังคงใช้เงินดอลลาร์เป็นเงินสกุลหลักในการทำธุรกรรมต่อกัน ส่วนที่ธนาคารกรุงศรีนำ ACCD มาให้บริการนั้น เพื่อช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและระยะเวลา รวมถึงอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่เลือกใช้บริการด้านนี้
สำหรับกระแสเทคโนโลยีบล็อกเชนนั้น ธนาคารมองเห็นเป็นโอกาสที่จะต้องไขว่คว้า และแนะนำให้ลูกค้าเร่งศึกษาเทคโนโลยีตัวใหม่นี้ เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์จากบล็อกเชนให้ได้มากที่สุด ในส่วนของธนาคารเอง คงเน้นที่จะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เพื่องานบริการแก่ลูกมากกว่าจะออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ จากเทคโนโลยีนี้.