เมืองไทยฯหักดิบ! รุกธุรกิจประกันชีวิตปี’64

“สาระ” หักดิบ! ความคิดก่อนยุคโควิดฯ สั่งปรับกลยุทธ์ใหม่ รุกธุรกิจประกันชีวิตมากขึ้น หันเน้นความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ ดัน “MTL Trusted Lifetime Partner” เป็นจุดขาย พร้อมชู! นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ บริการ ดูแลทุกช่วงของชีวิตผสานแพลตฟอร์มDigital และ Non-digital ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์บนโลกวิถีใหม่ เผย! เป้าหมายสยายปีกคลุม CMLV

ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีของธุรกิจประกันภัย! หลังจาก บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต (MTL) ภายใต้การนำของ นายสาระ ล่ำซำ กก.ผจก. และปธ.จนท.บห. นัดหมายสื่อมวลชนสายเศรษฐกิจและประกันภัยกว่า 100 คน เข้าร่วมการแถลงข่าว ถึงผลการดำเนินงานปี 2563 และแผนงานปี 2564 ผ่านระบบ ZOOM จากสำนักงานใหญ่ ย่าน ถ.รัชดาภิเษก เมื่อช่วงสายวันที่ 25 ม.ค.2564
หลังจากแนะนำคณะผู้บริหารแล้ว นายสาระ ระบุว่า ปีที่ผ่านมา ถูกท้าท้ายจากไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งก่อให้การเปลี่ยนแปลงและปรับตัวไปทั่วโลก แต่วิกฤตนี้ได้สร้างโอกาสใหม่ ไม่เพียงทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น หากยังเร่งให้เกิดการปรับตัวเข้าสู่โลกยุคดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วและสอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal)
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และกฎระเบียบใหม่ๆ ที่กำลังจะมีตามมาในอนาคตอันใกล้อีกหลายตัว จำเป็นที่ธุรกิจประกันภัยต้องเร่งปรับตัวรองรับสถานการณ์ใหม่ ในส่วนของบริษัทฯ ยอมรับว่าความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ จำเป็นที่เขาจะต้อง “หักดิบ!” กับกรอบความคิดและรูปแบบดำเนินงานเดิมๆ อาทิ การใช้กลยุทธ์ด้านราคาห้องพัก การสร้างแรงจูงใจพิเศษ และอื่นๆ มาเป็นตัวช่วยในการสร้างส่วนแบ่งการตลาด

แต่จากนี้ บริษัทฯจะปรับกลยุทธ์ในการรุกตลาดประกันชีวิต เน้นที่ความยั่งยืนในการดำเนินงาน โดยเฉพาะการตอบสนองความต้องการของลูกในลักษณะ Outside In มากขึ้น เนื่องจากธุรกิจประกันชีวิตมีความต่อเนื่องและระยะเวลาประกันภัยที่ยาวนาน
โดยปี 2563 บริษัทฯมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง (Health & CI) อยู่ที่ 21% มีสัดส่วนการขายแบบประกันชีวิตประเภทคุ้มครองชีวิตและประกันชีวิตควบการลงทุน (Protection and Investment Linked Product Portion) สูงถึง 76% ขณะเดียวกันมีผลงานจากช่องทางการขายผ่าน Online Sales เติบโต 120% เมื่อเทียบกับปี 2562
ทั้งยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Rating) จาก S&P Global Ratings อยู่ที่ระดับ BBB+ โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ และจาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) อยู่ที่ ‘A-‘ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิต มีเสถียรภาพ และคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS) ที่ ‘AAA(tha)’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ซึ่งถือเป็นอันดับเครดิตในระดับประเทศที่สูงที่สุดแล้ว และยังมีความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งโดยสะท้อนจากอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนซึ่งอยู่ที่ 309% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามเกณฑ์ที่ 120%

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯยังคงมุ่งมั่นสร้างแบรนด์ให้ลูกค้าวางใจ พร้อมดูแลและเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต ภายใต้นโยบาย “MTL Trusted Lifetime Partner” ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ ช่องทางการขายที่หลากหลายผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เฉพาะตัวของบุคคลมากยิ่งขึ้น ผ่านแพลตฟอร์ม Digital และ Non-digital
ยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากล มีภาพลักษณ์องค์กรทันสมัย เป็นมืออาชีพ ดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมงาน รวมทั้งการเดินหน้าการพัฒนาบุคลากร ให้สามารถรับมือและปรับตัวให้เข้ากับโลกยุคดิจิทัลได้อย่างเต็มตัว พร้อมให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปสู่ประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง (Regional Company) โดยเฉพาะในกลุ่ม CMLV ซึ่งบริษัทฯเข้าไปร่วมทุนฯในประเทศกัมพูชา สปป.ลาว และเวียดนาม โดยมีผลการดำเนินงานที่ดี ขณะที่ เมียนมา ยังต้องชะลอแผนงานออกไป หลังเกิดวิกฤตแพร่ระบาดไวรัสโควิดฯ

ทั้งนี้ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านความคุ้มครองสุขภาพ บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการ “Super Health” ที่นำเสนอความคุ้มครองสุขภาพ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในทุก Segments เข้าถึง กลุ่มอายุที่หลากหลาย ตามไลฟ์สไตล์ และยืดหยุ่นได้ตามความต้องการ
ล่าสุด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “โครงการ ดี คิดส์” ดูแลค่าใช้จ่ายส่วนเกิน คุ้มครองค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน และอื่นๆ โดยคุ้มครองตั้งแต่วัยเด็ก เริ่มสมัครได้ตั้งแต่อายุ 30 วัน ดูแลกันยาวให้ความคุ้มครองถึงอายุ 99 ปี ทั้งยังขยายอายุรับประกันภัยสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์ จากเดิมอายุรับประกันอยู่ที่ 18-80 ปี ขยายเป็นเริ่มรับประกันตั้งแต่อายุ 11-80 ปี คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี คุ้มครองสุขภาพทั้งโรคระบาด โรคร้ายแรง โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ แบบจ่ายตามจริง 20 – 100 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าทำการตลาดแบบหลากหลายช่องทาง ผ่านตัวแทนประกันชีวิต ธนาคาร โบรกเกอร์ และออนไลน์ ที่มีทั้งการขาย (Online E2E) หรือผสมผสานการขาย (Hybrid) โดยนำกระบวนการขายแบบ Digital Face to Face เข้ามาอยู่ในกระบวนการขาย
ด้านบริการ ล่าสุด ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน “MTL Click” บริการในรูปแบบ Digital Face to Face Service พร้อมเปิดให้บริการลูกค้าในรูปแบบ Video Call เพื่อให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมกับบริษัทฯ ได้ทุกที่ โดยไม่ต้องออกจากบ้าน อาทิ การซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพ การชำระเบี้ยประกันภัยออนไลน์ บริการกู้ตามสิทธิกรมธรรม์ บริการต่ออายุกรมธรรม์ เปลี่ยนแปลงชื่อ-นามสกุล การสมัคร รับเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ผ่านบัญชีธนาคารอัตโนมัติ และบริการอื่นๆ

ทั้งยังยกระดับทักษะและความรู้ของบุคลากรทุกระดับ ให้สามารถปรับตัวและรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง โดยเปิดตัว แพลตฟอร์ม “LearnRU” (เลิร์นรู้) สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ทันสมัย รวดเร็วและเข้าได้จากทุกที่ ตอบโจทย์การเรียนรู้ในแบบออนไลน์
“แม้ปีนี้ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลากหลาย แต่เราจะคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการให้ครบในทุกด้าน เพื่อตอกย้ำนโยบาย MTL Trusted Lifetime Partner สามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าในทุกเพศทุกวัย พร้อมเชื่อมต่อกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแบบเฉพาะตัว มุ่งมั่นเติบโตและก้าวไปอย่างมั่นคงเคียงข้างไปกับลูกค้า รวมถึงเชื่อมต่อกับเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ (Ecosystem Partner) ดูแลลูกค้าได้อย่างครอบคลุม” นายสาระ ย้ำและว่า
นอกจากนี้ ยังมีพันธมิตรของบริษัทฯที่สนับสนุนในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ได้แก่ Fuchsia Venture Capital และบริษัท AIgen (ไอเจ็น) จำกัด รวมถึง Gettgo ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี
ทั้งหมดนี้ นายสาระ ย้ำว่า คือ จุดยืนของบริษัทฯ ที่มีความตั้งใจแน่วแน่ ในการส่งมอบการบริการและการขายที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้า เพื่อตอกย้ำ การดูแลและอยู่เคียงข้างลูกค้าในทุกช่วงของชีวิตที่จะต้องเกิดขึ้นและบรรลุผลสำเร็จให้ได้ “Make It Happen”.