กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขาย 30.00-30.30 บาท/ดอลล์
กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 30.00-30.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ มองดอลลาร์ทรงตัว จับตามาตรการ ธปท.
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.00-30.30 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 30.15 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยมูลค่า 0.6 พันล้านบาท และ 3.3 พันล้านบาท ตามลำดับ โดยคาดว่านักลงทุนจะซื้อขายอย่างระมัดระวังในสัปดาห์นี้ ซึ่งตลาดการเงินในประเทศเปิดทำการเพียง 2 วัน
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า จุดสนใจหลักอยู่ที่การประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) วันที่ 10 ธ.ค. ซึ่งคาดว่าจะมีมติเพิ่ม QE จำนวน 5 แสนล้านยูโร โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมดังกล่าวสอดคล้องกับการส่งสัญญาณจากอีซีบีในการประชุมเมื่อเดือนตุลาคม นอกจากนี้ นักลงทุนจะติดตามบทสรุป Brexit โดยตลาดคาดว่าสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปจะบรรลุข้อตกลงกันได้ในนาทีสุดท้าย สะท้อนว่าความเสี่ยงด้านขาลงของเงินปอนด์ยังเปิดกว้างกรณีไม่เกิดดีล
ส่วนปัจจัยอื่นๆในสัปดาห์นี้ ได้แก่สถานการณ์ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่พุ่งสูงขึ้นมากในสหรัฐฯ และความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนักลงทุนเปิดรับความเสี่ยงท่ามกลางความหวังในเรื่องวัคซีนและมาตรการด้านการคลัง อย่างไรก็ดี ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯ เริ่มขาดแรงส่ง ในภาวะเช่นนี้ เราคาดว่าเงินดอลลาร์อาจทรงตัวที่ระดับต่ำเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ต่อไป
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะชี้แจงมาตรการเพิ่มเติมในการปรับระบบนิเวศใหม่ของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนและการดูแลเงินบาทในวันที่ 9 ธ.ค. เพื่ออธิบายการปรับสภาพแวดล้อมของตลาด โดยทางการระบุว่าได้ติดตามดูแลค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดท่ามกลางการไหลเข้าของเงินทุนระยะสั้น ทางด้านดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนพฤศจิกายน ลดลง 0.41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการติดลบน้อยที่สุดในรอบ 9 เดือน ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่รวมอาหารสดและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.18%
อนึ่ง เราคาดว่าการซื้อขายยังคงเป็นไปอย่างระมัดระวังจากท่าทีที่เข้มงวดมากขึ้นต่อการดูแลค่าเงินบาทของธปท. แม้ว่านับตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมเงินบาทแข็งค่าทิศทางเดียวกับสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ทั้งนี้ เงินวอนเกาหลีใต้ เงินหยวนจีน และเงินบาท ปรับตัวแข็งค่าขึ้นราว 2.0%, 0.7% และ 0.3% ตามลำดับ