KTBใช้ยุทธศาสตร์ 5 เสาหลักหนุนการเติบโตปีหน้า

ธนาคารกรุงไทยใช้ยุทธศาสตร์ 5 เสาหลัก หนุนการเติบโตในปีหน้า ตั้งเป้าคุมหนี้เสียไม่ให้เกิน 5% ย้ำยังดูแลลูกค้าให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิค

แม้ธนาคารกรุงไทยจะพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่การดำเนินธุรกิจของธนาคารยังเดินหน้าต่อเนื่อง โดยนายผยง ศรีวนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ระบุว่าธนาคารยังให้ความสำคัญกับการดูแลลูกหนี้ เพื่อให้ฝ่าวิกฤตจากธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่องทั้งในปีนี้และในปี 2564
ซึ่งธนาคารประเมินว่าในปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตที่ประมาณ 3% ขณะที่การส่งออกยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนสินเชื่อของธนาคาร เชื่อว่าจะขยายตัวได้ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ซึ่งการเติบโตของสินเชื่อจะอยู่ในยุทธศาสตร์ 5 เสาหลัก หรือ 5 Execution Pillar ประกอบด้วย 1 การดูแลลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือNPL การประคองลูกหนี้ที่เป็นธุรกิจหลักดั้งเดิมให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ โดยปีนี้ธนาคารมีเป้าหมายที่จะคุมหนี้ NPL ไม่ให้เกิน 5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.2 1% และเพิ่มความแข็งแกร่งของสัดส่วนเงินสำรองต่อหนี้สงสัยจะสูญจากระดับ 100% ในปัจจุบันมาอยู่ที่ 125-130%
2 การสร้างโมเดลธุรกิจใหม่บนรูปแบบของ Speed Boat หรือ Infinitus โดยการเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการเป็นการขาย
3 ลดการใช้กระดาษ เพื่อให้เป็นองค์กรที่ใช้กระดาษน้อยที่สุด และการนำเอาระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาใช้ประเมินและพิจารณาสินเชื่อ ซึ่งจะทำให้ ต้นทุนในการให้บริการของธนาคารลดลงเหลือประมาณ 31- 35%

4 การทำธุรกิจกับผู้ค้าของลูกค้า ผ่านยุทธศาสตร์ X2G2X บน Digital platform
และ5 กรุงไทยเคียงข้างไทยสู่ความยั่งยืน ซึ่งจะเป็นการต่อยอดโครงการต่างๆของธนาคาร เช่นกรุงไทยรักชุมชนหรือการยกระดับ Digital Banking ของธนาคารไปยัง ชุมชนฐานรากของประเทศผ่านโครงการ ชิมช้อปใช้ เราเที่ยวด้วยกัน และคนละครึ่ง
“สำหรับการบริหารคุณภาพสินเชื่อ ธนาคารได้พยายามลดสัดส่วนสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงและมีการกระจุกตัว อาทิ การปล่อยกู้กลุ่มอุตสาหกรรมข้าวที่มีสัดส่วนสูงถึง 60%ของอุตสาหกรรมรวม หรือการปล่อยกู้ให้กับกลุ่มสหกรณ์โดยไม่มีหลักประกันที่สูงถึง 70,000 ล้านบาท ให้เหลือประมาณ 30,000 ล้านบาท” นายผยงกล่าว