บีซีไอ หนุน กฟภ. ทำeLG on Blockchain
บีซีไอ หนุน กฟภ. รัฐวิสาหกิจรายแรก เปิดตัวหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบล็อกเชน ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานเหลือฉับบละ 10 บาท จากเดิมเสีย500-1,000 บาท คาดในสิ้นปี 2563 จะมีหน่วยงานที่ใช้บริการ eLG on Blockchain 58 ราย
การนำเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจมีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะทำให้ช่วยองค์กรนั้นประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนในการดำเนินการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และบีซีไอ จับมือร่วมกันเปิดตัวบริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบล็อกเชน (eLG on Blockchain)โดย กฟภ. เป็นรัฐวิสาหกิจรายแรกของไทยที่ใช้บริการ eLG on Blockchain และเป็นต้นแบบองค์กรภาครัฐที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีนี้เพื่อมุ่งสู่การเป็น Digital Utility
“การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้ความสำคัญต่อการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมารองรับการให้บริการด้านพลังงานไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าและคู่ค้าเพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ความทันสมัย ตลอดจนความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กรได้อีกด้วย”นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)
โดยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาบริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบล็อกเชน(eLG on Blockchain) ในครั้งนี้ กฟภ. ได้เริ่มเปิดใช้บริการครั้งแรกในเดือนมีนาคมด้านการค้ำประกันการใช้ไฟฟ้า และถัดมาด้านการค้ำประกันงานจัดซื้อจัดจ้างในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นรัฐวิสาหกิจรายแรกของไทย และเป็นตัวแทนของหน่วยงานภาครัฐที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาบริการ eLG on Blockchain ซึ่งมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนภาครวมเศรษฐกิจของประเทศ
นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโนบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยี ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้ความร่วมมือของภาคธนาคาร เพื่อสนับสนุนการทำงานของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดย “โครงการหนังสือค้าประกันอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Electronic Letter of Guarantee ” เป็น use case แรก ซึ่งถือเป็นระบบงานแรกที่นำบล็อกเชนมาใช้กับการจัดการหนังสือค้าประกัน โดยมีผู้เข้าร่วมใช้งานระบบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมให้บริการแล้ว 17 ราย ผู้รับผลประโยชน์ที่เป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำของประเทศและบริษัทในเครือกว่า 50 บริษัท
ขณะนี้โครงการนี้อยู่ระหว่างการทดสอบนวัตกรรมใน Regulatory Sandbox ของธปท.ซึ่งจะมีการติดตามผลการทดสอบและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
นายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ ประธานกรรมการ บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บีซีไอเป็นผู้ให้บริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบล็อกเชนแก่ กฟภ. รัฐวิสาหกิจรายแรกที่สามารถเชื่อมต่อบริการ eLG on Blockchain ได้ซึ่งช่วยให้ กฟภ. ลดเวลาการดำเนินงานได้กว่า 3 เท่า จากเดิมที่ใช้เวลา9 วันลดลงเหลือ 1-1.5 ชั่วโมง และลดต้นทุนองค์กรในส่วนของการจัดการเอกสารและจำนวนพนักงานที่ต้องจัดการงานด้านนี้จาก 500-1,000 บาทต่อฉบับเหลือเพียงประมาณ 10 บาท ปัจจุบันบีซีไอมีผู้ใช้บริการทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวน 48 ราย และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 58 รายภายในสิ้นปี 2563
หนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยให้องค์กรมีการจัดการที่ดี และจะช่วยผลักดันให้ กฟภ.ก้าวสู่การเป็นองค์กร Digital Utility ได้ในอนาคต โดยปัจจุบันทั้ง กฟภ. และบีซีไอยังมีแผนความร่วมมือการพัฒนาเพื่อเชื่อมต่อเทคโนโลยีบล็อกเชนกับงานหนังสือค้ำประกันให้กับหน่วยงานอื่นของ กฟภ. ด้วย เช่น PEA Fiber ทั้งนี้ บีซีไอวางเป้าหมายขยายการให้บริการไปยังหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพิ่มเป็น 200 รายภายในปี 2564
บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งเป้าเพิ่มการใช้งานหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบล็อกเชนเป็น 50% ของหนังสือค้ำประกันทั้งประเทศ ภายใน 3 ปี จากมูลค่าหนังสือค้ำประกันผ่านระบบสถาบันการเงินไทยทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 1.35 ล้านล้านบาท จำนวนมากกว่า 500,000 ฉบับต่อปี
นายสิริวัฒน์ เกียรติเจริญสิน ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า บริษัทกำลังศึกษาการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนไปต่อยอดไปยัง use case อื่น เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมอื่นนอกจากภาคการเงินอีกด้วย เช่น ที่ได้ดำเนินการเปิดโครงการไปล่าสุดในวันที่ 29 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา คือ โครงการหนังสือรับรองทางการเงิน (Bank Confirmation on Blockchain) ที่เป็นความร่วมมือของหลายหน่วยงาน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยมีผู้ร่วมงานประกอบไปด้วย สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ บริษัทผู้ตรวจสอบบัญชี และสถาบันทางการเงิน ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาและลดเวลาในการดำเนินการ