กรุงศรีแจ้ง9 เดือนปี63มีกำไร 19.7 พันลบ.ลดลง 25.3%
กรุงศรีรายงานกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2563 จำนวน 19.7 พันล้านบาทลดลง 25.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562ส่วนไตรมาส 3มีกำไรสุทธิ 6.1 พันล้านบาท ลดลง 6.0% จากไตรมาส 2/2563 หนี้ NPL อยู่ที่ 2.24% เทียบกับ 1.98% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) สรุปผลประกอบการและฐานะการเงินที่สำคัญสำหรับเก้าเดือนแรกของปี 2563
• กำไรสุทธิ: จำนวน 19.7 พันล้านบาท ลดลง 25.3% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 สำหรับไตรมาส 3/2563 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 6.1 พันล้านบาท ลดลง 6.8% จากไตรมาส 3/2562 และลดลง 6.0% จากไตรมาส 2/2563
• เงินให้สินเชื่อ: เพิ่มขึ้น 1.4% หรือจำนวน 25.7 พันล้านบาท จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 โดยมาตรการการให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อและมาตรการในการเสริมสภาพคล่องของธนาคารให้กับลูกค้ามีส่วนช่วยให้สินเชื่อเติบโตในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2563 โดยสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่สินเชื่อลูกค้า SME และสินเชื่อเพื่อรายย่อยมีอัตราการเติบโต 1.6%, 2.6% และ 0.9% ตามลำดับ
• เงินรับฝาก: เพิ่มขึ้น 10.4% หรือจำนวน 162.3 พันล้านบาท จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562
• ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): อยู่ที่ 3.63% เทียบกับ 3.68% ในช่วงเดียวกันของปี 2562
• รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย: ลดลง 32.9% หรือจำนวน 11.7 พันล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยมีปัจจัยหลักจากการปรับลดลงของกำไรจากการลงทุน เนื่องจากไม่มีรายการพิเศษจากการขายเงินลงทุนในบริษัท เงินติดล้อ จำกัด ที่บันทึกในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2562 และการปรับลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ
• อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: อยู่ที่ระดับ 41.2% ปรับตัวดีขึ้นจาก 42.6% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 สะท้อนประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายเชิงรุก
• อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio): อยู่ที่ระดับ 2.24% เทียบกับ 1.98% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562
• อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: อยู่ที่ระดับ 160.6% เทียบกับ 163.8% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562
• อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: ยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 17.13% เทียบกับ 16.56% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562
นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจว่า “เราคาดว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง และมาตรการทางการคลังของรัฐบาลรวมถึงมาตรการทางการเงินและสินเชื่อ จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสี่ อย่างไรก็ตาม ความเปราะบางทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูงจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นทั่วโลก ซึ่งอาจจะนำไปสู่การหวนกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง รวมทั้งความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความสามารถในการชำระหนี้ที่ลดลงของภาคธุรกิจในประเทศและภาคครัวเรือน ท่ามกลางการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่อ่อนแอ”
“กรุงศรียังคงให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจผ่านมาตรการด้านสินเชื่อและการปรับโครงสร้างหนี้ตลอดจนการสนับสนุนด้านสภาพคล่อง นอกจากนี้ ธนาคารจะดำเนินการติดตามและจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างรอบคอบระมัดระวังเพื่อความแข็งแกร่งของพอร์ตสินเชื่อของธนาคาร และมุ่งเน้นการกำกับดูแลด้วยความเข้มงวดเพื่อให้เชื่อมั่นว่าธนาคารมีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองในระดับสูงและเพียงพอที่จะรองรับกับความท้าทายทางการเงินและเศรษฐกิจ”
ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 กรุงศรี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของไทยด้านสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินฝาก และเป็นหนึ่งในห้าสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.84 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.73 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.49 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 276.54 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 17.13% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของคิดเป็น 12.24%