“ทีเอ็มบี-ธนชาต”ช่วยลูกค้าปลดล็อกหนี้

ทีเอ็มบีและธนชาต จัดกิจกรรม“FIN TALK by TMB l Thanachart ปลดล็อกชีวิตหนี้…สู่วิถีการเงินใหม่”จุดประกายแนวทาง “แก้หนี้” เพื่อ “เดินหน้า” เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นหลังโควิด-19พร้อมชูบทบาทธนาคารสร้างภูมิคุ้มกันและโซลูชันด้านการเงินให้กับคนไทย ตั้งทีมพนักงานให้คำปรึกษา100 คนช่วยลูกค้า หนุนทำDebt Consolidation

ทีเอ็มบีและธนชาต จัดกิจกรรม “FIN TALK by TMB I Thanachart ปลดล็อกชีวิตหนี้…สู่วิถีการเงินใหม่” กระตุ้นคนไทยลุกขึ้นมาหาทางแก้หนี้ เพื่อสามารถดำเนินชีวิต พร้อมเติบโตและสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีต่อไปได้ โดย “ปิติ ตัณฑเกษม” ซีอีโอทีเอ็มบี ชวนมันนี่โค้ชคนดัง “จักรพงษ์ เมษพันธุ์” และนักจิตบำบัด “ดุจดาว วัฒนปกรณ์” มาร่วมเติมเต็ม ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพฤติกรรมทางการเงินและปลดล็อกความเข้าใจเรื่องหนี้ แนะเริ่มก้าวแรกในการปลดล็อกหนี้ด้วยการปรึกษากับธนาคารเพื่อหาทางออก พร้อมเดินหน้าในบทบาทของธนาคารที่จะมาสร้างภูมิคุ้มกันและโซลูชันด้านการเงินให้กับคนไทย

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หนี้ครัวเรือนไทยเติบโตเร็วมาก จนกลายเป็นปัญหาพื้นฐานใหญ่ของประเทศ จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 พบคนไทยประมาณ 21 ล้านคนเป็นหนี้ โดยข้อมูลจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics พบว่าในปี 2561 หนี้ของคนไทยส่วนใหญ่มีแนวโน้มมาจากการบริโภค (Personal Consumption) สะท้อนจากหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่มีสัดส่วนสูงถึง 34% ขณะที่หนี้รถมีสัดส่วน 25% หนี้บ้านมีสัดส่วน 40% และหนี้อื่นๆ อีก 1 % ในขณะที่ต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ และอังกฤษ หนี้ที่เกิดจากการบริโภคมีสัดส่วนไม่ถึง 5% โดยปัญหาหนี้อาจจะเกิดจากความคิดและพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เกินตัว ประกอบกับธนาคารเองก็ได้มีการออกผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสร้างความสะดวกในการใช้จ่ายและช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงเงินกู้ได้ง่ายขึ้น

“ในช่วงวิกฤตนี้ ทำให้เกิดการกลับมาทบทวนบทบาทของธนาคารที่มีต่อสังคม ถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างปัญหา ก็ต้องเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมแก้ปัญหา เพราะธนาคารเป็นส่วนหนึ่งของระบบพื้นฐานเศรษฐกิจและสังคมเกี่ยวข้องกับคนหมู่มากสามารถช่วยเหลือ หรือสร้างผลกระทบให้กับคนไทยทั้งประเทศ มีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เป็นเดิมพัน ดังนั้น ธนาคารไม่ได้มีบทบาทเป็นเจ้าหนี้ที่คอยทวงหนี้ แต่ต้องเป็นคลินิกช่วยรักษา ช่วยวินิจฉัยโรค และช่วยจ่ายยาให้กับคนไข้ที่กำลังมีปัญหาหนี้”
ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกนโยบายช่วยเหลือผู้เป็นหนี้ และธนาคารทุกแห่งก็มีเครื่องมือทางการเงินและมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการให้คำปรึกษาผ่านผู้เชี่ยวชาญ (Debt Advisory) พร้อมนำเสนอทางเลือกต่างๆ เช่น การทำ Debt Consolidation เพื่อให้ลูกค้าสามารถรวมภาระหนี้ที่มีจากหลายๆ บัญชีสินเชื่อให้เหลือหนี้เพียงบัญชีเดียว โดยลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากการขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระตามสินเชื่อมีหลักประกัน ทำให้ช่วยปรับลดภาระการผ่อนโดยรวมลง ซึ่งปัจจุบัน ทีเอ็มบีและธนชาตมีโซลูชันที่ลูกค้าสามารถนำมาใช้ตามคอนเซปต์ การรวมหนี้ ได้แก่ สินเชื่อทีเอ็มบี บ้านแลกเงิน และสินเชื่อธนชาตไดรฟ์ รถแลกเงิน ที่จะช่วยลดดอกเบี้ย ลดค่างวด และเสริมสภาพคล่องให้กับลูกค้าได้

ด้านนางสาวดุจดาว วัฒนปกรณ์ นักจิตบำบัด กล่าวว่า ปี 2563 เป็นปีแห่งความน่ากลัวซึ่งสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ออกรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 1 ปี 2563 ระบุว่า แรงงานมีความเสี่ยงถูกเลิกจ้างทั้งสิ้น 8.4 ล้านคน และคาดว่าในปีนี้อัตราการว่างงานจะอยู่ที่ประมาณ 3-4 % หรือราว 2 ล้านคน ทำให้คนกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในการทำงานและรายได้ที่อาจจะหายไป โดยเฉพาะคนที่เป็น “หนี้” จะเป็นกลุ่มคนที่กลัวอนาคตมากที่สุด ส่งผลให้ภาวะจิตใจย่ำแย่ มีความคิดลบจนอยู่ในภาวะที่มองไม่เห็นทางออกและไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นมาแก้ปัญหา แต่จริงๆ แล้วทุกคนสามารถปรับให้สมองพร้อมที่จะแก้ปัญหาได้ และอยากให้เชื่อว่าทุกอย่างมีทางออก ซึ่งการปลดล็อกแนวคิดยามเป็นหนี้ต้องเริ่มจากการจัดระเบียบความคิดใหม่แล้วหาทางออก โดยเปิดใจเรียนรู้และยอมรับความช่วยเหลือจากคนอื่น เช่น ธนาคาร หรือ ผู้ที่มีความรู้ทางด้านการเงิน เป็นต้น

ขณะที่นายจักรพงษ์ เมษพันธุ์ มันนี่โค้ชคนดัง กล่าวว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยมีพฤติกรรมแก้หนี้อย่างไม่ถูกต้อง เช่น พยายามแก้ปัญหาเอง ไม่กล้าขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ติดกับดักการเป็นหนี้แบบไม่มีวันจบ ดังนั้น การปลดล็อกต้องหันกลับมาหาจุดตั้งหลักด้วยการปรับและเปลี่ยนพฤติกรรม เริ่มต้นก้าวแรกด้วยการเดินไปคุยกับคู่สัญญา หรือธนาคาร เพื่อประเมินสถานการณ์และหาทางออกร่วมกัน สำหรับการปรับพฤติกรรมเพื่อกลับมาตั้งหลักใหม่ อาทิ การเพิ่มรายรับนำเอาทักษะของตัวเองมาใช้หารายได้ การลดรายจ่าย โดยเฉพาะรายจ่ายหนี้ ต้องหาแนวทางลดค่าใช้จ่ายหนี้ตรงนี้ในแต่ละเดือน และเลือกใช้เวลา นั่นคือใช้เวลาในการโฟกัสการแก้ปัญหา ไม่ต้องรอเวลาในการแก้หนี้ รวมทั้งใช้เวลาในการหันหน้าคุยกับธนาคารเพื่อเจรจา หรือขอคำปรึกษา