BBL-BAYลงทุน‘Ricult’ยกระดับเกษตรกรไทย

2 บิ๊กแบงก์ร่วมลงทุน‘Ricult’สตาร์ทอัพสายเทคโนโลยีเกษตร มั่นใจช่วยเกษตรกรเพิ่มประสิทธิภาพ-ยกระดับคุณภาพชีวิต-ขยายโอกาสเข้าถึงสินเชื่อ

นายอุกฤษ อุณหเลขกะ Co-Founder และ CEO Ricult (Thailand) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดระดมทุนเพื่อนำเงินมาลงทุนขยายตลาดและพัฒนาศักยภาพของผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานในวัตถุประสงค์ต่างๆ ได้หลากหลายมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน “รีคัลท์” นับเป็นผู้บุกเบิกด้านการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเกษตรในประเทศไทย และปากีสถาน โดยผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญเชิงลึกด้านการวิเคราะห์สภาพอากาศกับเทคโนโลยีดาวเทียม เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มที่ช่วยให้เกษตรกรและธุรกิจด้านการเกษตรสามารถบริหารจัดการฟาร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มผลตอบแทนจากการเพาะปลูก ตลอดจนเชื่อมต่อไปถึงการขายสินค้าเกษตรในตลาดออนไลน์อีกด้วย โดย “รีคัลท์” ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพที่ช่วยสร้างประโยชน์แก่สังคม ช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรและเพิ่มประสิทธิผลของการทำการเกษตรไม่น้อยกว่า 15%
นายกฤษณ์ พันธ์รัตนมาลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัวหลวงเวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้เริ่มรู้จัก “รีคัลท์” ในปี 2562 ที่งาน Techsauce ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพชั้นนำที่ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมการเกษตรของไทย ทั้งยังได้รับรางวัลด้านการพัฒนานวัตกรรมมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่า “รีคัลท์” จะสามารถสร้างสรรค์ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับสังคมไทย ไม่เพียงแต่ในด้านการเกษตรเท่านั้น แต่จะสามารถขยายไปถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น อุตสาหกรรมประกันภัย อุตสาหกรรมการเงิน เป็นต้น
นอกจากนี้การลงทุนใน “รีคัลท์” ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาคุณภาพการผลิตของอุตสาหกรรมการเกษตรในประเทศไทย และประเทศปากีสถาน แต่ยังนำไปสู่การลดช่องว่างการเข้าถึงสินเชื่อของเกษตรรายย่อยซึ่งเป็นฐานหลักที่สำคัญของเศรษฐกิจ ในอนาคตฐานข้อมูล Big Data ที่ “รีคัลท์” เก็บสามารถนำไปต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆได้อีกมาก ซึ่งจะช่วยให้การทำการเกษตรและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า เทคโนโลยีการเกษตร หรือ AgriTech กำลังมีบทบาทสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนความก้าวหน้าของภาคการเกษตรในประเทศไทยสู่การเป็นเกษตรวิถีใหม่ สร้างความเติบโตและรักษาตำแหน่งผู้นำภาคเกษตรกรรมของไทยในเวทีโลก จากการที่เกษตรกรสามารถใช้เทคโนโลยีในการคำนวณผลผลิตอย่างแม่นยำ มีระบบฐานข้อมูลที่ดีที่ช่วยคาดการณ์ผลผลิตและสภาพดินฟ้าอากาศอันเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก และเป็นโอกาสที่ช่วยสร้างความเติบโตให้กับเกษตรไทยทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ซึ่ง“รีคัลท์” มีเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในเรื่องเหล่านี้
ขณะเดียวกัน “รีคัลท์” มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับและพัฒนาบริการไปยังธุรกิจสินเชื่อ การสนับสนุนซัพพลายเชน และการประกันภัยพืชผล ด้วยเทคโนโลยี AI/ Machine Learning และ อัลกอริทึม อันเป็นจุดแข็งของ “รีคัลท์” จะสามารถช่วยในเรื่องการจัดทำข้อมูลเครดิต และการทำ Credit Scoring ในภาคการเกษตรของไทยในอนาคต ซึ่งนำมาสู่การเชื่อมโยงให้เกษตรกรไทยสามารถเข้าถึงระบบการเงินและแหล่งเงินทุนต่างๆ เป็นการขยายโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การธนาคารอย่างยั่งยืนของกรุงศรี
ดังนั้นการลงทุนในครั้งนี้จึงเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่ผสานกันอย่างลงตัวระหว่างกรุงศรี และ “รีคัลท์” นอกจากนี้ กรุงศรียังมุ่งสนับสนุนในเรื่องของการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และกัมพูชา ผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ MUFG โดยหากพิจารณาในมุมของการบริหารจัดการภายในองค์กร “รีคัลท์” มีทีมที่แข็งแกร่งและมีความศักยภาพเป็นที่ยอมรับในระดับภูมิภาคเอเชีย