KKP มุ่งขยายพอร์ตสินเชื่อ 7-9% เติบโตอย่างมีคุณภาพ
สินเชื่อกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรเติบโตอย่างมีคุณภาพ ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัวด้านตลาดทุน พร้อมรับตลาดผันผวน ด้วยพอร์ตธุรกิจหลากหลาย
กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร-KKP มี กําไรสุทธิ ไม่รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเท่ากับ 1,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.7 จากงวดเดียวกันของปี 2561 เป็นกําไรสุทธิของธุรกิจตลาดทุน ซึ่งดําเนินการโดยบริษัท ทุนภัทร จํากัด (มหาชน) และบริษัทย่อย จํานวน 310 ล้านบาท มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จำนวน 3,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 จากงวดเดียวกันของปีก่อน
KKPมุ่งขยายพอร์ตสินเชื่อ 7-9% พร้อมควบคุมคุณภาพหนี้ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เผยครึ่งปีหลัง 2562 สินเชื่ออสังหาฯ เอสเอ็มอี และรายย่อยเติบโตเกือบทุกประเภท ด้านตลาดทุนยังแกร่ง อาศัยโมเดลธุรกิจหลากหลาย รักษารายได้ในสภาวะตลาดผันผวน ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ครองมาร์เก็ตแชร์อันดับหนึ่ง ด้านธุรกิจ Wealth Management และธุรกิจจัดการกองทุน รับเงินลงทุนเพิ่มจากลูกค้าส่งผลให้มี AUA (Asset Under Advice) ร่วม 6 แสนล้านบาท เป็นผลจากผลิตภัณฑ์หลากหลายและบริการลงทุนในต่างประเทศช่วยตอบโจทย์นักลงทุนช่วงตลาดหุ้นไทยซบเซา ในขณะที่ทีมวิจัยบล.ภัทร เชื่อจีดีพีเติบโตลดจาก 2.8% เหลือ 2.2% จากเหตุไวรัสโคโรน่า ภัยแล้ง และความล่าช้าของพรบ.งบประมาณ
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (Mr. Aphinant Klewpatinond, Chief Executive Officer, Kiatnakin Phatra Financial Group) เปิดเผยว่า
“ปี 2562 ที่ผ่านมามีปัจจัยภายนอกที่ทำให้เศรษฐกิจเกิดความผันผวนหลายประการ เช่น สงครามทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ แต่ผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจฯ ถือว่าออกมาในระดับที่น่าพึงพอใจ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากกําไรสุทธิ (และกำไรเบ็ดเสร็จที่รวมผลจากการวัดมูลค่าหลักทรัพย์เผื่อขายของธุรกิจตลาดทุน) เพราะธุรกิจฝ่ายตลาดทุน หลายส่วนได้รับประโยชน์จากความผันผวนในตลาด เช่นธุรกิจการลงทุนของฝ่ายค้าหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Equity and Derivatives Trading) นอกจากนั้น ส่วนอื่นๆ ของธุรกิจตลาดทุนก็ทำได้ดีเช่นกัน เช่น ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่ลูกค้าสถาบัน ที่บล.ภัทร ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจวานิชธนกิจ ที่มีธุรกรรมรายการใหญ่หลายรายการ อาทิ AWC และธุรกิจ Wealth Management และธุรกิจจัดการกองทุน ซึ่งปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำหรือการจัดการ (Asset Under Advice: AUA) ร่วม 6 แสนล้านบาท และเติบโตขึ้นมาจากปีก่อนหน้า ประมาณ 1 แสนล้านบาท จากความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบริการการลงทุนในต่างประเทศ หุ้นกู้อนุพันธ์รูปแบบต่างๆ หรือแม้กระทั่งสินทรัพย์นอกตลาด (Private Markets) ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในสภาวะที่ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนต่ำ”
ด้านนายฟิลิป เชียง ชอง แทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (Philip Chen Chong Tan, President, Kiatnakin Bank Plc.) ได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานในส่วนของธุรกิจธนาคารพานิชย์ว่า
“สินเชื่อของธนาคารสําหรับปี 2562 มีการขยายตัวที่ร้อยละ 4.2 จากสิ้นปี 2561 โดยมาจากการขยายตัวในสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายย่อยเกือบทุกประเภท ยกเว้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่มีการ หดตัวในปี 2562 ตามยุทธศาสตร์การกระจายความเสี่ยงของธนาคาร และสินเชื่อบรรษัท ซึ่งมีการจ่ายหนี้คืนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 ยิ่งกว่านั้น ผลจากการพัฒนาระบบคัดกรองสินเชื่อและติดตามเร่งรัดหนี้ ยังทำให้ธนาคารสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมจากร้อยละ 4.1 เมื่อสิ้นปี 2561 มาเป็นร้อยละ 4.0 ณ สิ้นปี 2562 ทั้งนี้ การเติบโตอย่างมีคุณภาพของสินเชื่อในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวในระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารเชื่อว่าแม้จะมีปัจจัยท้าทายทางเศรษฐกิจหลายประการ แต่ภายใต้ระบบการดำเนินงานภายในที่ได้พัฒนาขึ้น จะส่งผลต่อเนื่องทำให้สินเชื่อของธนาคารสามารถเติบโตได้ในช่วงร้อยละ 7-9 สำหรับปี 2563”