KBANK PRIVATE BANKING กลยุทธ์การลงทุน 2020
กสิกรไทย ไพรเวทแบงก์ มองไทยเจอวิกฤติเศรษฐกิจโลก ซ้ำเติมไวรัสโคโรนา แนะนักลงทุนกระจายความเสี่ยง
นายจิราวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส และ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนในปี 2020 ว่า เป็นปีที่ท้าย หลังเจอวิกฤติเศรษฐกิจโลกตั้งปี2018 ต่อเนื่องถึงปี2020 ทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ,ความขัดแย้งจีนและอิหร่าน ,ค่าเงินบาท , และสุดท้ายวิกฤติไวรัสโคโรนา ส่งผลให้เศษรษฐกิจโลกเติบโตได้ช้า ในส่วนของปีที่แล้วการลงทุนและธนบัตรรัฐบาลได้ผลตอบแทน 6% และน้ำมันได้ผลตอบแทน 3.4% มองว่าทองคำ และพันธบัตรยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ค่อนข้างแย่ จากปัจจัยสงครามการค้าฯถึงแม้สหรัฐฯและจีนจะลงนามข้อตกลงด้านภาษี เฟสที่ 1 เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดก็ตามแต่การส่งออกของไทยยังชะลอตัวรวมถึงปัจจัยการเมืองภายในประเทศ และงบประมาณปี63 ล่าช้า ซ้ำเติมเชื้อไวรัสโคโรนา ทำให้การท่องเที่ยวของไทยสะดุด ส่งผลให้หลายฝ่ายทั้ง ภาครัฐ ,เอกชน ปรับเป้าจีดีพีปีนี้ลง รวมถึงธนาคารกสิกรไทย ก็เตรียมพิจารณาปรับลดจีดีพีของปีนี้ลงเช่นกัน
ด้าน เศรษฐกิจโลกที่น่าจับตา ฝั่งสหรัฐอเมริกา
1.เรามองว่าสหรัฐกับจีนยังคงมีปัญหากันอยู่
2. เศรษฐกิจการคลังไม่สามารถทดแทนเศรษฐกิจของประเทศได้
3.มีความเสี่ยงในปี 2022 ผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ของสหรัฐจะเป็นใคร
การขยายตัวของเศรษฐกิจอัตราการว่างานในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 3% อัตราการจ้างงานกำลังเพิ่มสูงขึ้นทำให้เกิดอาการก้าวกระโดดอย่างรุนแรงทางเศรษฐกิจสหรัฐ
ส่วนการดำเนินการของธนาคารกสิกรไทย มีการแนะนำนักลงทุนในช่วงนี้ว่า ควรกระจายความเสี่ยงของสินทรัพย์ไปทั่วโลก เช่น ทองคำ และพันธบัตร ยังเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ส่วนพอร์ตเสริมในปี2020 นักลงทุนควรลงทุนในกลุ่มตราสารหนี้ในภูมิภาคเอเชียแต่ต้องเป็นสกุลดอลลาร์เท่านั้น เพราะให้ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงต่ำ เรามองเศรษฐกิจยุโรปเติบโตที่ 1% ญี่ปุ่น 0.5% จีน 5% และสหรัฐอเมริกา 2%
ส่วนกลยุทย์ในปีนี้ ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยน เนื่องจากปี2019 ลูกค้าได้ผลตอบแทนดีอยู่ในระดับ 14.3% บริหารความเสี่ยงได้ดี อยู่ในระดับ4.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว บริหารความเสี่ยงอยู่ในระดับ 3.3% ปีนี้เรามองตราสารหนี้เพราะให้ผลตอบแทนต่ำแต่ความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นปีนี้เราจึงระมัดระวังในหุ้นมากขึ้นอาจจะมองที่ดอลล่าร์ เท่านั้นในการลงทุนเพราะสองถึงสามปีที่ผ่านมามีนักลงทุนวิ่งหาดอลล่าร์ในการลงทุนเยอะมากขึ้นและในส่วนของทองคำจะช่วยพยุงพอร์ตให้ดีขึ้นเราจึงมองการลงทุนธนบัตรและอัตราแลกเปลี่ยนที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2020.