BBL เปิดกำไรสุทธิปี 2562 ที่ 35,816 ล้านบาท
ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิปี 2562 จำนวน 35,816 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4
ในปี 2562 เศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จากการส่งออกที่ลดลง ทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนลดลงตามไปด้วย ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง ความไม่แน่นอนของความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ และค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากกว่าที่คาด ขณะที่การบริโภคภายในประเทศชะลอตัวจากปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น หนี้สินครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและการเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวน้อยกว่าคาดจากความล่าช้าในการอนุมัติงบประมาณประจำปี 2563
กำไรสุทธิปี 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ
ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารในปี 2562 จำนวน 35,816 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 จากปีก่อนท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ โดยมีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.3 เป็นผลจากค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อเพิ่มขึ้น กอปรกับการเติบโตของค่าธรรมเนียมจากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวมสอดคล้องกับเจตนารมณ์เชิงกลยุทธ์ของธนาคาร รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงเล็กน้อย โดยมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.35 รายได้จากการดำเนินงานอื่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 52.3 จากกำไรสุทธิจากเงินลงทุน
แม้ว่าสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับทรงตัว ธนาคารมีการตั้งค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษในปีนี้ เพื่อเสริมสร้างระดับสำรองของธนาคารให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้นตามหลักความระมัดระวัง ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่กฎเกณฑ์ใหม่ทางบัญชีซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการกันสำรองที่ลดลง สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.4 จากปีก่อน ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานยังคงอยู่ในระดับดีที่ร้อยละ 41.1
ฐานะการเงินและเงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,061,309 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 จากสิ้นเดือนกันยายน 2562 จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อทุกกลุ่ม สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ขณะที่เงินสำรองของธนาคารคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ร้อยละ 220.2 ของเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลกระบวนการอำนวยสินเชื่อและการบริหารความเสี่ยง พร้อมทั้งบริหารคุณภาพสินเชื่อควบคู่กับการดำรงค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ธนาคารยังคงแนวทางการบริหารฐานะการเงินด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง พร้อมทั้งรักษาเงินกองทุนและสภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ณ สิ้นปี 2562 อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 86.9 นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2562 ธนาคารออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิ อายุ 15 ปี ที่สามารถนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ภายใต้หลักเกณฑ์ Basel III จำนวน 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสนับสนุนให้โครงสร้างเงินกองทุนของธนาคารมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ร้อยละ 20.0 ร้อยละ 17.0 และร้อยละ 17.0 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด.