SCBS มองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในปี 63
บล.ไทยพาณิชย์มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในปี 2563 แนะเชิงกลยุทธ์เพิ่มน้ำหนักลงทุนในกลุ่มหุ้นวัฏจักร
บล.ไทยพาณิชย์มีมุมมองเชิงบวกในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 เนื่องจากความกังวลระยะสั้นผ่อนคลายลงและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการปรับลดประมาณการกำไรจบลงแล้ว อย่างไรก็ตามยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยง 3 ด้าน ได้แก่ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นโยบายการเงินแบบตึงตัว และการผิดนัดชำระหุ้นกู้ในประเทศจีนในช่วงครึ่งหลังปี 2563 ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทย ส่วนจุดลงตัว หรือ sweet spot ในปี2563
มีเหตุผล 3 ประการ ได้แก่ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การอัดฉีดสภาพคล่อง และ เหตุการณ์ความเสี่ยงทั่วโลกที่ลดลง แม้ยังคงมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจไทย แต่อาจจะมี upside เกิดขึ้นจากการสะสมสินค้าคงคลังเพิ่ม ดังนั้นจึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวเล็กน้อย โดย GDP จะขยายตัว 2.8% ในปี 2563 เติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สำหรับกลยุทธ์การลงทุนใน 1Q63 แนะนำให้ลงทุนเพิ่มในหุ้นวัฏจักรที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตได้ดี และ valuation น่าสนใจ top picks ประกอบด้วย กลุ่มปิโตรเคมี(IVL), โรงกลั่น (TOP), ธนาคาร (TCAP, BBL) และการแพทย์ (BCH) คาดจะปรับตัว outperform ใน 1Q63
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่าบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้นในตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยกระตุ้นจากความตึงเครียดทางการค้าที่ผ่อนคลายลง นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เสถียรภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการกลับมาเก็บสะสมสินค้าคงคลัง จุดลงตัวทางเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่น่าจะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ (new normal) ในขณะที่ความไม่แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีตามยุคสมัย สังคมผู้สูงอายุ และหนี้ครัวเรือน ยังไม่หมดไป เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยต่ำและการเติบโตต่ำ
ส่วนภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเงินสำหรับเศรษฐกิจประเทศหลักๆ ธนาคารกลางทั่วโลกลดอัตราดอกเบี้ยลง และเพิ่มปริมาณเงินในระบบ ในขณะที่ธนาคารกลางประเทศหลักๆกลับมาเริ่มโครงการซื้อพันธบัตรอีกครั้ง ในสหรัฐฯ การลดอัตราดอกเบี้ยและการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวส่งผลทำให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยปรับตัวลดลง ซึ่งช่วยให้ต้นทุนทางการเงินในการซื้อที่อยู่อาศัยปรับลดลง และกระตุ้นกิจกรรมในภาคอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่าจะมีความรู้สึกเชิงบวกเกี่ยวกับการลงทุนทั่วโลกในระยะสั้น แต่ยังคงมุมมองเชิงลบต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2563
เศรษฐกิจไทยปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.8% แต่อาจจะมี upside จากระดับสินค้าคงคลังที่ลดลงเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในแนวโน้มเติบโตต่ำ โดยหลังจากเติบโตสูงถึง 5.0% ใน 1Q61 อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยก็ชะลอตัวลงนับแต่นั้นเป็นต้นมา ตัวเลขอัตราการขยายตัวของ GDP ล่าสุดใน 3Q62 ที่ 2.4% YoY และ 0.1% QoQ (ปรับฤดูกาล) อย่างไรก็ตามมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยง 3 อย่างในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทย ความเสี่ยงอย่างแรก คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2563 ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองและนโยบายสำหรับภูมิภาคและโลก ความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งสหรัฐฯ อาจจะเริ่มปรากฏให้เห็นหลังการเลือกตั้งขั้นต้นในเดือนมีนาคม หรือประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตในเดือนกรกฎาคม 2563
ความเสี่ยงอย่างที่สอง คือ ตลาดอาจจะรู้สึกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย การผ่อนคลายนโยบายการเงินจึงอาจจะเปลี่ยนเป็นมาตรการกระตุ้นทางการคลัง ความเสี่ยงอย่างที่สาม คือ ตลาดสินเชื่ออาจจะเปลี่ยนมามีสภาวะที่เอื้ออำนวยลดน้อยลงในปี 2563 สินเชื่อขยายตัวอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ (โดยเฉพาะในเอเชีย) และมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในจีน มองว่าความเสี่ยงนี้เป็นความเสี่ยงสำคัญอย่างหนึ่งในตลาดสินเชื่อของเอเชีย.