BAYกำไร12,700ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2562
กรุงศรีรายงานกำไรสุทธิสูงสุดจำนวน12,700ล้านบาทในไตรมาส 1/2562 เพิ่มขึ้น 104.9% จากไตรมาส 1/2561
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ รายงานผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาส 1/2562 ด้วยกำไรสุทธิรายไตรมาสสูงสุดจำนวน 12.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึง 104.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยซึ่งเพิ่มขึ้น 95.6% จากการบันทึกกำไรจากการขายหุ้น 50% ในบริษัทเงินติดล้อ จำกัด ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นแสดงถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งของกรุงศรีและการบริหารพอร์ตสินเชื่อที่สมดุล รวมทั้งการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
สรุปผลประกอบการและฐานะการเงินที่สำคัญในไตรมาส 1/2562 กำไรสุทธิ: จำนวน 12.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 104.9% จากไตรมาส 1/2561 และเพิ่มขึ้น 108.5% จากไตรมาส 4/2561 หากไม่รวมกำไรจากการขายเงินติดล้อและค่าใช้จ่ายการชดเชยเกษียณอายุตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ กำไรสุทธิอยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรสุทธิราย
ไตรมาสที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 11.5% จากไตรมาส 1/2561 และเพิ่มขึ้น 13.4% จากไตรมาส 4/2561
เงินให้สินเชื่อ: เพิ่มขึ้น 2.3% คิดเป็นจำนวน 37.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561 โดยมีการเติบโตจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
เงินรับฝาก: เพิ่มขึ้น 2.7% หรือจำนวน 39 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): อยู่ที่ 3.79% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 3.67% ในไตรมาส 1/2561
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย: เพิ่มขึ้น 95.6% จากไตรมาส 1/2561 ปัจจัยหลักมาจากการบันทึกกำไรจำนวน 8.6 พันล้านบาทจากการขายหุ้น 50% ในบริษัท เงินติดล้อ จำกัด ให้กับพันธมิตรเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ของกรุงศรี อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: อยู่ที่ 38.7% ปรับตัวดีขึ้นจาก 46.1% ในไตรมาส 1/2561 สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs): อยู่ที่ระดับ 1.99% ปรับตัวดีขึ้นจาก 2.08% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561 อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: ปรับตัวดีขึ้นมาที่ 165.7% จาก 160.8% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: อยู่ที่ 14.91%
นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาส 1/2562 ด้วยกำไรสุทธิรายไตรมาส สูงสุดที่ 12.7 พันล้านบาท เติบโตมากกว่าเท่าตัวจากไตรมาส 1/2561 โดยมีปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ภายหลังการบันทึกกำไรหลังหักภาษีจำนวน 6.7 พันล้านบาทจากการขายหุ้นในบริษัทเงินติดล้อให้กับพันธมิตร ถ้าหากไม่รวมกำไรจากการขายเงินติดล้อและค่าใช้จ่ายการชดเชยเกษียณอายุตามกฏหมายแรงงานฉบับใหม่ กรุงศรียังคงมีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.9 พันล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.5% จากไตรมาส 1/2561 ในด้านการดำเนินงาน ธนาคารมีการเติบโตของเงินให้สินเชื่อที่ 2.3% และเงินรับฝากเพิ่มขึ้น 2.7% พร้อมทั้งการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้แสดงถึงความแข็งแกร่งโดยรวมของธนาคารและความสามารถในการบริหารพอร์ตที่สมดุล นอกจากนี้คุณภาพของสินทรัพย์ยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 1.99% เทียบกับระดับ 2.08% ณ สิ้นปี 2561