ธอส.จ่อควบรวมศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ
เร่งควบรวมกิจการ “ธอส.-ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์” โดยแยกความเป็นอิสระในดำเนินงานต่อกัน ตั้งเป้าสู่การยกระดับทำหน้าที่ “ศูนย์เตือนภัย” หรือ Rrisk Indicator ให้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงหน่วยงานรัฐและรัฐบาลได้นำไปใช้เพื่อออกนโยบาย ฟันธง! 1 ปี หลังควบรวมกัน ทุกปัญหาของอสังหาริมทรัพย์จะได้รับการเตือนภัยถูกต้องและแม่นยำ
นายนรินทร์ กัลยาณมิตร ปธ.กก.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และ ปธ.กก.ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงบทบาทศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งและทิศทางในอนาคต ตอนหนึ่งว่า อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงเกิดวิกฤติต้มย้ำกุ้งเมื่อปี 40 ถูกมองเป็น “ผู้ร้าย” เพราะเป็นต้นตอของวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนั้น ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีหน่วยงานหรือองค์กรกลางที่จะคอยดูแลและติดตามสถานการณ์จากปัจจัยต่างๆ ในทุกมิติ นั่นจึงเป็นที่มาของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้ โดยช่วงแรกรัฐบาลสมัยนั้นได้ฝากให้อยู่กับ ธอส. โดยไม่ได้มีส่วนหนึ่งของ ธอส.อย่างที่หลายคนเข้าใจ
ทว่าผ่านมา 15 ปี ส่วนตัวยังมองว่าบทบาทและหน้าที่ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจ ภาคประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และกระทั่งรัฐบาลเอง ยังไม่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มากนัก นั่นเพราะข้อจำกัดที่มี ไม่ว่าจะเป็นจำนวนบุคลาคกร (40 คน) และงบประมาณที่ได้รับแต่ละปี (80-90 ล้านบาท) รวมถึงเครือข่ายการดำเนินงาน
ในฐานะที่ตนเป็นทั้ง ปธ.ธอส.และปธ.ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ จึงนำไปสู่การหารือร่วมกันของผู้บริหารทั้ง 2 องค์กร เพื่อการควบรวมกิจการไว้ด้วยกัน แต่แยกการดำเนินงานที่เป็นอิสระต่อกัน แต่เกื้อกกันและกัน ซึ่งจะได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย โดย ธอส.จะได้ฐานข้อมูลเชิงลึก เพื่อนำไปประกอบการวางแผนงาน การออกมาตรการ และการดำเนินงาน นำสู่เป้าหมายให้คนไทยทุกคนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ขณะที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เอง ก็จะได้ทั้งบุคลากร งบประมาณที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการมีสถานที่ และได้เครือข่ายสาขามากกว่า 100 แห่งของ ธอส. มาเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการทำงาน มุ่งสู่เป้าหมายการเป็น ศูนย์เตือนภัย (Rrisk Indicator) ให้กับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงใช้เป็นฐานข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและรัฐบาลได้นำไปประกอบการพิจารณาและตัดสินใจในการออกมาตรการและนโยบายที่เกี่ยวข้องต่อไป
“ทุกวันนี้ผมมองว่า 15 ปีของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ยังไม่ได้ทำหน้าที่อย่างที่ถูกคาดหวังให้เป็น Rrisk Indicator คอยส่งสัญญาณเตือนภัยจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งจากภายในประเทศและนอกประเทศ เช่น ผลกระทบจากนโยบายของรัฐ ปัญหาการถดถอยของเศรษฐกิจ สงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจ และอื่นๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้อจำกัดที่ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มี แต่การจะควบรวมกันนั้น ไม่เพียงผู้บริหารระดับสูงของทั้ง ธอส.และศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ จะต้องมานั่งหารือถึงกรอบความร่วมมือและการแบ่งหน้าที่ที่เป็นอิสระต่อกัน แต่ยังคงผูกพันในฐานะที่เป็นหน่วยงานในองค์กรเดียวกัน หากยังต้องนำเสนอไปยังฝ่ายนโยบาย ทั้งในระดับกระทรวงการคลัง และระดับคณะรัฐมนตรี เนื่องจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ถูกจัดตั้งมาขึ้นมาจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 47 ดังนั้น การจะวางอนาคตของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์จึงต้องดำเนินการในขั้นของคณะรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน” นายนรินทร์ กล่าว และว่า
เชื่อว่าภายในสิ้นปีนี้ จะได้เห็นกรอบข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงาน ซึ่งหาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ถูกควบรวมไว้กับ ธอส.แล้ว คาดว่าภายใน 1 ปีนับจากนั้น จะได้เห็นบทบาทใหม่ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ในฐานะ Rrisk Indicator ที่คอยส่งสัญญาณเตือนภัยจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้อง แม่นยำ ชัดเจน และรวดเร็ว ให้กับภาคอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ และรัฐบาล
“ก่อนหน้านี้ มีข่าวออกมาจากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ถึงผลสำรวจที่พักอาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าในแต่ละเดือนต่ำกว่า 15 ยูนิต ทำให้เกิดข่าวลือว่า อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์กำลังตกอยู่ในสภาพ Over Supply จนเกิดภาวะการชะลอตัวของอสังหาริมทรัพย์อย่างรุนแรง เนื่องจากเป็นที่พักอาศัยที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ ทั้งที่ความเป็นจริง การที่คนไม่ได้พักอาศัย กระทั่งมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ต่ำนั้น อาจเป็นเพราะพวกเขา (เจ้าของ) อาจอยู่ระหว่างเดินทางท่องเที่ยว หรือซื้อไว้เพื่อเก็งกำไร หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ ที่ไม่ใช่เกิดจากภาวะการชะลอตัวของอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องเร่งสร้างความเป็น Rrisk Indicator ให้กับศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ โดยเร็วที่สุด เพื่อนำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริง และสร้างความรู้ความเข้าใจให้ทุกฝ่ายโดยเร็ว” ปธ.ธอส.และปธ.ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ย้ำ.