บาทอ่อนค่าตามเงินหยวน

เงินบาทอ่อนค่าช่วงแรก แต่ฟื้นตัวกลับตามราคาทองคำตลาดโลกที่กลับมายืนเหนือแนว 2,900 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์อีกครั้ง เงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางของเงินหยวนและสกุลเงินเอเชียอื่น ๆ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงประคองบางส่วนจากสัญญาณจากประธานเฟด ซึ่งสะท้อนว่า เฟดจะยังไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
นอกจากนี้ การปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกยังเพิ่มแรงกดดันต่อเงินบาทด้วยเช่นกันเงินบาทเริ่มฟื้นตัวแข็งค่ากลับมาในช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ จากความกังวลในเรื่องสงครามการค้าที่อาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกอบกับมีแรงหนุนเพิ่มเติมจนถึงช่วงปลายสัปดาห์จาก ราคาทองคำในตลาดโลกที่กลับมายืนเหนือแนว 2,900 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์อีกครั้งและสัญญาณซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ
ในวันศุกร์ที่ 14 มี.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (7 มี.ค.)
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 10-14 มี.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 8,406 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 9,345 ล้านบาท (แบ่งเป็น ซื้อสุทธิพันธบัตร 9,770 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 426 ล้านบาท)
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 17-21 มี.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 33.20-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินและ dot plot ของเฟด (18-19 มี.ค.) สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกและสัญญาณฟันด์โฟลว์ ของต่างชาติ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญได้แก่ ยอดค้าปลีก ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านยอดขายบ้านมือสองและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ.
ผลการสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค.รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOJ, BOE และ Bank Indonesia ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น รวมถึงการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR และตัวเลขเศรษฐกิจของจีนในเดือนม.ค.-ก.พ. อาทิ การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรด้วยเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : SCB มองเงินบาทไม่เปลี่ยนแปลง แม้กนง.ลดดอกเบี้ย