บาทหลุด 37 จับตาสัปดาห์นี้ไหลรูดอีก

เงินบาททำสถิติอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 6 เดือนครึ่ง ที่ 37.17 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนฟื้นตัวแข็งค่า กลับมาบางส่วนปลายสัปดาห์ตามทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก
เงินบาท อ่อนค่าลงในช่วงแรกตามการร่วงลงของราคาทองคำในตลาดโลก ตลอดจนการอ่อนค่าของเงินเยน และเงินหยวน ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุน จากการคาดการณ์ว่า เฟดอาจไม่รีบปรับลดดอกเบี้ย ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ทรงตัวที่ระดับสูงต่อไปอีกระยะ
อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงกลาง – ปลายสัปดาห์ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ หลังจากที่ข้อมูลเบื้องต้นของดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวลงมาที่ 50.9 ในเดือนเม.ย. (ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของปีนี้) ประกอบกับ เงินบาทมีแรงหนุนเพิ่มเติมในช่วงท้ายสัปดาห์ จากการดีดตัวกลับขึ้นอีกครั้ง ของราคาทองคำในตลาดโลก
สกุลเงินในฝั่งเอเชียผันผวนในกรอบอ่อนค่าในช่วงปลายสัปดาห์ นำโดย เงินเยน ทำสถิติอ่อนค่าสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2533 หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่นคงดอกเบี้ยนโยบายและการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นไว้ตามเดิม
ในวันศุกร์ที่ 26 เม.ย. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 36.93 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 6 เดือนครึ่งที่ 37.17 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในระหว่างสัปดาห์ เทียบกับระดับ 36.86 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ในวันศุกร์ก่อนหน้า (19 เม.ย. 67)
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 22-26 เม.ย. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 3,121 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 2,974 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตรไทย 993 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 1,981 ล้านบาท)
สัปดาห์ถัดไป (29 เม.ย.-3 พ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 36.70-37.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม FOMC (30 เม.ย.-1พ.ค.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ตัวเลขการส่งออกไทยเดือนมี.ค. การเคลื่อนไหวของค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก
ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตรการว่างงานเดือนเม.ย. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือนมี.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMIภาคการผลิตเดือนเม.ย. ของจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 อัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ของยูโรโซน