ตลาดหุ้นไทยร่วงแล้วร่วงอีก
ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงท่ามกลางความกังวลว่าเฟด จะตรึงดอกเบี้ยสูงนานกว่าคาดและความขัดแย้งในตะวันออกกลางจะทวีความรุนแรงหุ้นไทยร่วงลงแรงตั้งแต่วันทำการแรกของสัปดาห์หลังวันหยุดสงกรานต์
โดยเผชิญแรงขายหลักๆ จากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ท่ามกลางปัจจัยลบ อาทิ ประเด็นความขัดแย้งในตะวันออกกลางความกังวลเกี่ยวกับการตรึงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับสูงเป็นเวลานานของเฟด หลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายส่งสัญญาณว่าไม่จำเป็นต้องรีบลดดอกเบี้ย รวมถึงแรงขายหุ้นกลุ่มการเงินอาทิ แบงก์และไฟแนนซ์หลังจากที่มีการทยอยรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2567
ทั้งนี้ หุ้นไทยดิ่งลงต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายสัปดาห์และ แตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี 5 เดือนที่ 1,330.24 จุด สอดคล้องกับทิศทางหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลง หลังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง ซึ่งกระตุ้นให้เกิดแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
ในวันศุกร์ที่ 19 เม.ย. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,332.08 จุด ลดลง 4.60% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 58,009.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.17%
จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 4.38% มาปิดที่ระดับ 382.54 จุด
สัปดาห์ถัดไป (22-26 เม.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,315 และ 1,300 จุด
ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,340 และ 1,350 จุด ตามลำดับ
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนมี.ค.ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติและผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ของบจ.ไทย ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่
ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core
PCE Price Index เดือนมี.ค. ดัชนี PMIภาคการผลิตและภาคบริการเดือนเม.ย. (เบื้องต้น)ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOJ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนเม.ย. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนเม.ย. ของจีน