หุ้นตกเพราะจีดีพีทรุดโตต่ำ 1.8%
ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวน แต่ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน
ทั้งนี้หุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ และแตะจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี 3 เดือนที่ 1,352.48 จุด โดยเผชิญแรงขายต่อเนื่องจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ
โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มแบงก์หลังผลประกอบการไตรมาส 4/66 ออกมาต่ำกว่าคาด ประกอบกับมีปัจจัยลบจากข่าว สศค.ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 และ 2567 ลง หุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงสั้นๆ กลางสัปดาห์ 2 โดยมีแรงหนุนจากการเตรียมตั้งกองทุนพยุงหุ้นและออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีนและจากปัจจัยทางการเมืองในประเทศ
อย่างไรก็ดีหุ้นไทยย่อตัวลงอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ท่ามกลางแรงขายหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากความกังวลเรื่องผลประกอบการ และแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อนการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า (30-31 ม.ค.) ในวันศุกร์ที่ 26 ม.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,368.15 จุด ลดลง 1.04% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 48,684.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.22% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.89% มาปิดที่ระดับ 408.82 จุด
สัปดาห์ถัดไป (29 ม.ค.-2 ก.พ.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,360 และ 1,350 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,380 และ 1,390 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (30-31 ม.ค.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติและผลประกอบการงวดไตรมาส 4/66 ของบจ.ไทย
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร
อัตราการว่างงาน และดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2566 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ของยูโรโซน และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค. ของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษเดือนม.ค.