ธ.ก.ส. ร่วมลงทุน 2 เอกชนไฮเทค ขับเคลื่อนภาคเกษตรไทย
ธ.ก.ส. ร่วมทุน “คิว บ็อกซ์ฯ – อินฟิวส์” 2 เอกชนเกษตรไฮเทคเจ้าของแพลตฟอร์ม Farmbook ซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า และแอปฯ “มะลิซ้อน” แจงแปลงที่ดินเกษตร เรียกชดเชยค่าสินไหม ตั้งเป้านํานวัตกรรมขับเคลื่อนภาคเกษตรไทย ตั้งเป้าดึงเกษตรกร 1.3 กลุ่มเข้าร่วม สร้างรายได้ 1.2 พันล.พร้อมเปิดกว้างเจ้าของนวัตกรรม แต่ขาดโอกาสด้านเงินทุน เข้าร่วมงานกับ ธ.ก.ส.
นายณรงค์ ขันติวิริยะกุล ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธนาคารฯได้กำหนดยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่เกษตรกรรายย่อยให้เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่(Smart Farmer) รวมไปถึงการพัฒนาศักยภาพองค์กรและชุมชน โดยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนนอกเหนือจากการให้สินเชื่อในรูปแบบปกติ โดยเฉพาะผู้ประกอบการบางกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วยการกู้ยืม(Debt Financing) และบางธุรกิจ มีลักษณะการดำเนินกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) แต่ไม่มีศักยภาพในการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางการเกษตร
ดังนั้น จึงได้ขับเคลื่อนแนวทางการทำธุรกิจ ภายใต้โครงการร่วมทุน (Venture Capital) กับผู้ประกอบการภาคการเกษตรไทย เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการมีทุนในการดำเนินธุรกิจในระยะแรกและสามารถยกระดับไปเป็นผู้ประกอบการที่เข้มแข็ง ในสัดส่วนร่วมลงทุนไม่เกิน ร้อยละ 49 ของจํานวนหุ้นหลังการระดมทุน ระยะเวลาร่วมลงทุนไม่น้อยกว่า 3 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปีโดย ธนาคารฯ ได้ดำเนินการคัดเลือกผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ และนำเสนอผ่านความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรี จำนวน 2 ราย ได้แก่
1) บริษัท คิว บ็อกซ์ พอยท์ จํากัด ซึ่งประกอบธุรกิจเทคโนโลยีการเกษตรภายใต้แพลตฟอร์ม “Farmbook” ที่ช่วยเกษตรกรวางแผนการผลิตให้สัมพันธ์กับความต้องการของตลาด ในลักษณะซื้อขายล่วงหน้า โดยเฉพาะในด้านการผลิตพืชผักอาหารปลอดภัย
โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวนอกจากเชื่อมโยงกลุ่มผู้ผลิตไปยังตลาดสำคัญ เช่น ห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรด ร้านอาหาร โรงแรม เป็นต้น ยังสามารถดำเนินการตรวจสอบย้อนกลับไปยังแหล่งผลิต ทำให้ผู้ขายและผู้บริโภคมีความมั่นใจในคุณภาพ ความปลอดภัยและพร้อมให้การสนับสนุน ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรผู้ผลิตมีรายได้เพิ่มขึ้น
คาดว่าตลอดระยะเวลาการร่วมลงทุนจะมีกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนเข้าร่วมใช้บริการในแพลตฟอร์มดังกล่าวกว่า 1,300 กลุ่ม โดยวางเป้าหมายสร้างรายได้สู่กลุ่มเกษตรกรประมาณ 1,200 ล้านบาท
2) บริษัท อินฟิวส์ จํากัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน “มะลิซ้อน” ที่ช่วยอํานวยความสะดวกให้กับเกษตรกรในการบันทึกแปลงที่ดิน และสามารถแจ้งการประสบภัยเพื่อขอชดเชยค่าสินไหมทดแทน กรณีเอาประกันภัยพืชผลทางการเกษตรได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ
อีกทั้ง บริษัทฯได้เตรียมแผนขยายระบบการบริหารจัดการแปลงเกษตรอย่างครบวงจร เพื่อให้เกษตรกรสามารถเชื่อมโยงกับปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ในการลดความเสี่ยงด้านการผลิตและสามารถวางแผนการเพาะปลูกได้ดีขึ้น โดย ธนาคารฯจะสนับสนุนให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ทำประกันภัยผ่าน ธ.ก.ส. เข้าร่วมใช้บริการดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการบริหารความเสี่ยงด้านการผลิต
“ธ.ก.ส. พร้อมที่จะเข้าไปสนับสนุนผู้ประกอบการที่เป็น Startup รายอื่น ๆ ที่มีอุดมการณ์ในการพัฒนาภาคการเกษตร มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมายกระดับการผลิตและเป็นหัวขบวนในการนำการเปลี่ยนแปลงให้กับคนในชุมชน หรือเป็นกลุ่มวิสาหกิจ ที่มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลถูกต้องตามกฎหมาย มีนวัตกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตร มีโครงการวิจัยที่ได้รับทุนจากหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงมีแผนธุรกิจ (Business Plan) ที่มีความเหมาะสมตามคุณลักษณะและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาศักยภาพชุมชนในแต่ละภูมิภาค อันจะส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรอย่างยั่งยืนต่อไป” นายณรงค์ ย้ำ