ธ.ก.ส.เร่งช่วยเหลือเกษตรกรเหยื่อพายุเตี้ยนหมู่
ธ.ก.ส. ขยายเวลาชำระหนี้ เร่งชดเชยประกันภัยและจัดสินเชื่อฉุกเฉินดอกเบี้ย 0% 6 เดือน ช่วยเกษตรกรที่ประสบภัยจากพายุเตี้ยนหมู่เตรียมประสานหน่วยงานด้านประกันภัยพืชผล เร่งสำรวจความเสียหาย ให้เกษตรกรที่ทำประกันภัย
นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธนาคารฯได้มอบหมายให้พนักงาน ธ.ก.ส. ในพื้นที่ ออกเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ พร้อมจัดหาถุงยังชีพไปมอบให้เกษตรกรลูกค้าและประชาชนที่เดือดร้อน จากอิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ ที่ได้สร้างความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร ตลอดจนทรัพย์สินที่อยู่อาศัยของเกษตรกรลูกค้าและประชาชนทั่วไปในหลายจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงเข้าไปสนับสนุนศูนย์อพยพหรือจุดรวมพลต่าง ๆ ร่วมกับหน่วยงานในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น การจัดหาอาหาร น้ำดื่ม บริการสุขาเคลื่อนที่ เต็นท์สนาม และความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ เช่น ค่าเช่าเรือ ค่าเช่ารถบรรทุก ค่าแรงงาน เป็นต้น
ในส่วนของเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน และผลผลิตได้รับความเสียหายจนส่งผลกระทบต่อรายได้ แต่มีภาระหนี้สินอยู่กับ ธ.ก.ส. ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกษตรกรไม่ต้องกังวลใจ โดย ธ.ก.ส. จะพิจารณาขยายระยะเวลาชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยออกไปสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน ตามศักยภาพโดยไม่คิดดอกเบี้ยปรับ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนตามความหนักเบาของผู้ประสบภัยทุกราย
พร้อมจัดเตรียมสินเชื่อฉุกเฉินรายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน และตั้งแต่เดือนที่ 7 อัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับร้อยละ 6.50 ต่อปี) ระยะเวลาชำระคืนไม่เกิน 3 ปี เพื่อนำไปใช้จ่ายที่จำเป็นภายในครัวเรือน วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท
และสินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพทางการเกษตรระยะสั้น อาทิ โครงการ 459 โครงการครึ่งไร่คลายจน เป็นต้น รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายและค่าลงทุนในการประกอบอาชีพเสริมอื่น ๆ วงเงินรายละไม่เกิน 100,000 บาท โดยกรณี กู้เงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี ระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 12 เดือน พิเศษไม่เกิน 18 เดือน กรณีกู้เพื่อลงทุน ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี ปีที่ 4-5 อัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับร้อยละ 6.50 ต่อปี) วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เงื่อนไขในการอนุมัติเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
สำหรับ เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยทั้ง 28 จังหวัด ที่ถูกประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ และได้ทำประกันไว้ในโครงการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรกับ ธ.ก.ส. ภายหลังจากน้ำลด ธ.ก.ส. จะร่วมกับส่วนงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมประสานงานกับบริษัทผู้รับประกันภัยในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขโดยเร็ว เพื่อให้เกษตรกรได้มีเงินทุนหมุนเวียนในการลงทุนต่อไป
ทั้งนี้ โครงการประกันภัยข้าวนาปีมีเกษตรกรเข้าร่วมกว่า 3.6 ล้านราย พื้นที่กว่า 43 ล้านไร่ โดยในพื้นที่ประสบภัยมีเกษตรกรเข้าร่วมกว่า 878,000 ราย พื้นที่ 12.4 ล้านไร่ และโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีเกษตรกรเข้าร่วมกว่า 82,000 ราย พื้นที่กว่า 1.48 ล้านไร่ โดยมีเกษตรกรในพื้นที่ประสบภัยจำนวนกว่า 60,600 ราย พื้นที่ 1.1 ล้านไร่
ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ย้ำว่า ธนาคารฯ พร้อมอยู่เคียงข้างพี่น้องเกษตรกรและประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนอย่างเต็มที่ โดยสามารถติดต่อเพื่อปรึกษาหรือขอรับบริการได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-555-0555.