EIC เพิ่มเป้าส่งออกปีนี้เป็นโต 7-9%
EIC ปรับเป้าการส่งออกปีนี้เป็นโต 7-9% จากเดิมที่คาดโต6.4% ผลจากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของการค้าโลก ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้ว
นายพนันดร อรุณีนิรมาน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)ระบุว่าการค้าโลกยังมีทิศทางปรับดีขึ้นต่อเนื่อง แม้การระบาดของ COVID-19 จะกลับมาอีกครั้งทั่วโลก โดย ภาคการผลิตยังมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากดัชนี Manufacturing PMI ของประเทศสำคัญ และดัชนี Global PMI – Export orders ที่มีระดับเหนือ 50 (ขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า) และปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ หากพิจารณามูลค่าการส่งออกของประเทศส่งออกสำคัญของโลกก็พบว่ามีการขยายตัวเร่งขึ้นเช่นกัน สะท้อนการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาวะการส่งออกโลกในช่วงที่ผ่านมา
ในระยะข้างหน้า EIC คาดว่าการส่งออกไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าการส่งออกปี 2021 มีโอกาสขยายตัวในช่วง 7-9% ดีกว่าที่เคยคาดไว้ที่ 6.4%
เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลก โดยกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมีแนวโน้มฟื้นตัวได้เร็วกว่า ซึ่งจากข้อมูล พบว่า การฟื้นตัวของการส่งออกไทยในตลาดสำคัญมีความแตกต่างกัน กล่าวคือการส่งออกไปประเทศพัฒนาแล้ว (สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป รวมถึงจีนที่มีการควบคุมโรคดีมากจนมีการระบาดระดับต่ำ) มีการฟื้นตัวกลับมาในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนการระบาดของ COVID-19 แล้ว (ช่วงไตรมาสแรกปี 2020)
ขณะที่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (ตะวันออกกลาง, CLMV, อาเซียน 5) จะมีการฟื้นตัวที่ช้ากว่า สอดคล้องกับคาดการณ์ของ IMF (WEO รอบเดือนเมษายน) ที่คาดไว้ว่าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Advanced countries) จะฟื้นตัวได้เร็วกว่า เนื่องจากมีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนเร็วกว่า โดยหลายประเทศมีแนวโน้มที่จะได้ภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ในช่วงกลางปี 2021 เป็นต้นไป ประกอบกับความสามารถในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีมากกว่า จึงทำให้เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศดังกล่าวมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดี
ขณะที่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนามีแนวโน้มฟื้นตัวช้า จากความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนที่ช้ากว่าและเม็ดเงินที่จะอัดฉีดในระบบเศรษฐกิจที่มีน้อยกว่า การฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity prices) ก็จะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนมูลค่าการส่งออกของไทยในปีนี้ ผ่านการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น สินค้าเกษตร (เช่น น้ำตาล, ยางพาราและข้าว) น้ำมันสำเร็จรูป, เคมีภัณฑ์ และเหล็ก เป็นต้น
ปัจจัยฐานต่ำในช่วงไตรมาส 2 ของปีก่อน เนื่องจากหลายประเทศมีมาตรการปิดเมืองอย่างเข้มงวด ทำให้คาดว่ามูลค่าการส่งออกในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ จะขยายตัวได้เป็นเลขสองหลัก ซึ่งเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของการส่งออกในปีนี้
อย่างไรก็ดี ยังมีประเด็นที่เป็นความเสี่ยงด้านต่ำต่อการส่งออกไทยในระยะข้างหน้า ได้แก่
1) ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และอัตราค่าระวางเรือที่ยังสูงต่อเนื่อง โดยคาดว่าปัญหาดังกล่าวจะยังเป็นปัจจัยกดดันการส่งออกต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 ก่อนจะปรับดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
2) การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) ทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตสินค้าส่งออกที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน โดยจากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มมากขึ้นตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากผลกระทบของ COVID-19 และการหยุดการผลิตในช่วงก่อนหน้าที่มีการระบาดของ COVID-19 ในปีก่อน กอปรกับปัญหาภัยแล้งในไต้หวันซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก ล้วนทำให้เกิดเหตุการณ์ขาดแคลนชิป ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาชิป เช่น โทรศัพท์มือถือ เครื่องเกมส์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น ปัญหาดังกล่าวจะยังเป็นปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยกดดันต่อการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี
3) การระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 โดยแม้ว่าการระบาดในช่วงปัจจุบันจะไม่ส่งผลต่อภาคการผลิตและการค้าของโลกมากนัก แต่หากไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดจนทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก ก็อาจทำให้หลายประเทศต้องกลับมาใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่ยังไม่ได้ภูมิคุ้มกันต่อ COVID-19 ซึ่งมีโอกาสกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและภาวะการค้าของโลกในที่สุด