ธปท.-คลัง-เอกชนออก”ซอฟต์โลน-โกดังพักหนี้”ฟื้นฟูธุรกิจ
ธปท.จับมือก.คลังและภาคเอกชนออก 2 มาตรการ “สินเชื่อฟื้นฟู-โครงการพักทรัพย์ พักหนี้”ช่วยฟื้นฟูภาคธุรกิจ วงเงินรวม 350,000 ล้านบาท คาดมีผลบังคับใช้พ.ค.นี้
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจะใช้เวลานานกว่าปกติ โดยเฉพาะกลุ่มSMEsที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งทุนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนัก เช่นกลุ่มท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งมีการจ้างงานสูงกว่า 10 ล้านคนและต้องใช้เวลา 4-5 ปีกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับเข้ามาใกล้ระดับก่อนการระบาด ทำให้การให้ความช่วยเหลือเดิมจึงไม่เพียงพอ ธปท.และกระทรวงการคลังจึงออกมาตรการเพิ่มเติม 2 หมวด วงเงิน 350,000 ล้านบาท ได้แก่
1.มาตรการสนับสนุนการใช้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการธุรกิจ(สินเชื่อฟื้นฟู) วงเงิน 2.5 แสนล้านบาท
-อายุสินเชื่อ 5 ปี
-กลุ่มเป้าหมาย ลูกหนี้เดิม ที่มีวงเงินเดิมไม่เกิน 500 ล้านบาทและ ไม่เป็นNPL
ลูกหนี้ใหม่ ไม่เคยเป็นลูกหนี้สถาบันการเงิน
-เงื่อนไขมาตรการ วงเงินต่อราย
ลูกหนี้เดิม ไม่เกินร้อยละ 30 ของวงเงินสินเชื่อ ณ 31 ธ.ค. 62 หรือ 28 ก.พ. 64
ลูกหนี้ใหม่ ไม่เกิน 20 ล้านบาท
-ดอกเบี้ย เฉลี่ยไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี ตลอดระยะเวลา 5 ปี โดย2 ปีแรกคิดไม่เกินร้อยละ 2ต่อปี
–การค้ำประกันสินเชื่อ ระยะเวลา 10 ปี
อัตราชดเชย ไม่เกินร้อยละ 40 ของพอร์ต
คิดค่าธรรมเนียม เฉลี่ยร้อยละ 1.75 ต่อปี
การสนับสนุนจากภาครัฐ
ธปท.:สภาพคล่องอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01ในการปล่อยให้สถาบันการเงิน
ภาครัฐ: กระทรวงคลังสนับสนุนกลไกค้ำประกันสินเชื่อ
ก.คลัง,ก.มหาดไทย,ก.พาณิชย์: ลดหย่อนค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการจำนองอสังหาฯ
2.โครงการพักทรัพย์ พักหนี้ หรือ Asset Warehousing วงเงินสินเชื่อ 100,000 ล้านบาท
-กลุ่มเป้าหมาย:ลูกหนี้ธุรกิจที่ได้รรับผลกระทบจากโควิค-19 ที่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกันกับสถาบันการเงินก่อน 28 ก.พ. 64 และไม่เป็นNPLs ณ 31 ธ.ค. 62
-เงื่อนไข: สถาบันการเงินและลูกหนี้ต้องสมัครใจทั้ง 2 ฝ่ายในการตีโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้
การสนับสนุนจากทางการ:
-ธปท:สนับสนุนสภาพคล่องดอกเบี้ยร้อยละ 0.01ในการตีโอนทรัพย์ของสถาบันการเงิน
-ภาครัฐ:ก.คลัง,ก.มหาดไทยและก.พาณิชย์สนับสนุนสิทธิประโยชน์ภาษีและค่าธรรมเนียม
“การออกแบบมาตรการทั้ง 2 ในครั้งนี้ ได้มีการหารือกับหลายหน่วยงาน จึงมั่นใจว่าจะดำเนินการได้จริงภายในเดือนพฤษภาคมนี้”