ธ.กรุงศรีกำไรสุทธิปี63ลด 14.5%
กรุงศรี รายงานกำไรสุทธิของปี 2563 จำนวน 23,040 ล้านบาท ลดลง 14.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ผลจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความไม่แน่นอน ขณะที่ NPL Ratio อยู่ในระดับต่ำที่ 2.00%
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) รายงานผลประกอบการในปี 2563 โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 23,040 ล้านบาท ลดลง 14.5% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติในปี 2562 โดยเป็นผลมาจากการตั้งเงินสำรองเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ที่กลับมาในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และความเปราะบางทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้กรุงศรียังคงรักษาคุณภาพสินทรัพย์ได้อย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง ด้วยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ในระดับต่ำที่ 2.00% และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 175.12%
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายในปีที่ผ่านมา กรุงศรียังเดินหน้าผลักดันแผนเชิงยุทธศาสตร์ 4 ด้าน คือ การเสริมสร้างประสบการณ์ลูกค้าผ่านกระบวนการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Customer Experience Enhancement) การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยศักยภาพด้านข้อมูล (Data-Driven Capabilities) กลยุทธ์ความร่วมมือกับพันธมิตร (Partnership Strategy) และการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ (Overseas Business Expansion) ซึ่งกรุงศรีสามารถดำเนินตามแผนสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้เป็นอย่างดี เห็นได้จากความสำเร็จของ Hattha Kaksekar Ltd. บริษัทไมโครไฟแนนซ์เครือกรุงศรีในกัมพูชาในการยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์
Hattha Bank Plc. ความสำเร็จของกรุงศรีในการขยายฐานธุรกิจไปยังภูมิภาคอาเซียนโดยการเข้าซื้อหุ้น 50% ในบริษัท SB Finance Company, Inc. (SBF) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือ Security Bank Corporation (SBC) หนึ่งในธนาคารชั้นนำของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ การลงทุนและสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับ Grab ความสำเร็จของการเปิดตัว ‘Kept’ นวัตกรรมบริหารเงินบนช่องทางออนไลน์ที่ได้รับการตอบรับอย่างสูงจากกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น
ทั้งนี้กรุงศรียังได้ปรับแผนการดำเนินการเชิงรุกเพื่อรับมือกับวิกฤตโควิด-19 และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอย่างเหมาะสมและทันท่วงทีในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมุ่งเน้นมาตรการช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง รักษาคุณภาพสินทรัพย์ และควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ