3 ยุทธศาสตร์ บ้านปู เพาเวอร์ ผลิตไฟฟ้า 5,300 MV
“แม้ในช่วงที่ผ่านมา สภาพแวดล้อมทางธุรกิจและเศรษฐกิจโลกจะมีความท้าทายอย่างยิ่ง แต่บ้านปู เพาเวอร์ฯ ยังสามารถรักษาการเติบโตของธุรกิจไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง”
นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงสถานะของธุรกิจพร้อมกับบอกว่า โรงไฟฟ้าทุกแห่งสามารถเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีการปรับปรุงพัฒนาการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าและการนำเอาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาใช้
ซึ่งที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าเจิ้งติ้ง (Zhending) ในจีนของ บ้านปู เพาเวอร์ ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นจากความสามารถในการควบคุมการปล่อยมลภาวะในระดับต่ำ
และขณะนี้หลายโครงการก็กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เช่น โครงการโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวงในจีน และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 2 แห่ง ได้แก่ ยามางาตะ (Yamagata) และยาบูกิ (Yabuki)
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง (SLG) กำลังการผลิต 396 เมกะวัตต์นั้น นายกิรณ บอกว่า การก่อสร้างมีความคืบหน้ากว่าร้อยละ 89 คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้
SLG เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง Ultra-Supercritical ที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตไฟฟ้าผ่านสายส่งกระแสไฟฟ้าแรงสูง 1,000 กิโลโวลต์ (kV) ทั้งยังสามารถผลิตไอน้ำส่งให้ชุมชนเมืองฉางจื้อ (Changzhi) ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณที่ตั้งโรงไฟฟ้าฯ
ซึ่งเหล่านี้ล้วนตอบโจทย์ทิศทางการพัฒนาตลาดไฟฟ้าในจีนซึ่งมุ่งเน้นเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย มีเสถียรภาพสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายกิรณ บอกว่า บ้านปู เพาเวอร์ฯ ยังคงเดินหน้าสู่การขยายกำลังผลิตให้ได้ถึง 5,300 เมกะวัตต์เทียบเท่าในปี 2568 ด้วย 3 ยุทธศาสตร์ คือ
1. ผนึกพลังร่วมภายในกลุ่มบ้านปูฯ เพื่อต่อยอดการพัฒนาและดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าในประเทศที่บ้านปูฯ มีธุรกิจอยู่ เช่น สหรัฐอเมริกา
2. มุ่งแสวงหาโอกาสการลงทุนในประเทศที่มีการเติบโต ทางเศรษฐกิจและมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าสูงในแถบเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งผสมผสานระหว่างการลงทุนในโครงการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดทันที กับการลงทุนแบบ Green Field ที่ต้นทุนต่ำกว่าและสร้างกำไรได้มากกว่า โดยใช้เทคโนโลยี HELE เพื่อส่งมอบพลังงานไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพ ในราคาที่เหมาะสม และมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
3. ผลักดันการเติบโตของธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีพลังงานผ่านการลงทุนในบ้านปู เน็กซ์ เพื่อเสริมธุรกิจผลิตไฟฟ้าให้แข็งแกร่งและสอดรับกับกระแสพลังงานแห่งโลกอนาคตได้ดียิ่งขึ้น
3 ยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะทำให้บ้านปู เพาเวอร์ฯ สามารถต่อยอดโอกาสทางธุรกิจไฟฟ้าต่อไปได้ เช่น ลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา และธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในเวียดนาม เป็นต้น
ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 3/2563 บ้านปู เพาเวอร์ฯ มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 916 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 845 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
นายกิรณ บอกว่า รายได้รวมจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมทั้ง 3 แห่งในประเทศจีนจำนวน 972 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายไฟฟ้า และไอน้ำ สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังวิกฤตโควิด-19 ส่วนแบ่งกำไรจำนวน 637 ล้านบาท มาจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี โรงไฟฟ้าเอชพีซี