“ควิกวิน” หมดสิทธิ์ ชิง โรงไฟฟ้าชุมชน
รมว.พลังงาน เดินหน้าโรงไฟฟ้าชุมชน สิ้นปี 63 นำร่อง 100-150 เมกะวัตต์ ย้ำ วัตถุประสงค์ สร้างงาน สร้างอาชีพ และต้องเป็น พืชพลังงานปลูกใหม่เท่านั้น
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้าชุมชน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน หลักการ คือจะต้องเป็นพืชปลูกใหม่ เพราะวัตถุประสงค์ผลประโยชน์ของการทำโรงไฟฟ้าชุมชนครั้งนี้ อยากให้ตกอยู่กับเกษตรกรที่เป็นผู้ปลูกวัตถุดิบส่งเข้าโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งในสัปดาห์หน้า กระทรวงพลังงานจะหารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเกษตรกรและผู้ประกอบการ เกี่ยวกับเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และข้อกำหนดต่างๆ เพื่อเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งจะนำข้อสรุปเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือกพช. พิจารณาภายในสิ้นเดือน ต.ค.นี้ และเปิดรับซื้อไฟฟ้าโครงการนำร่อง 100-150 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปีนี้
ส่วนกรณี โรงไฟฟ้า ประเภท ควิกวิน นั้น นายสุพัฒนพงษ์ บอกว่า หากมีความพร้อมก็เข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งพืชพลังงานที่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเช่น หญ้าเนเปียร์ กระถินณรงค์ ก็ จะต้องปลูกใหม่ทำใหม่ทั้งหมด ต้องไม่ใช่ โรงไฟฟ้าที่มีการผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว เพราะไม่ได้ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพใหม่ให้กับชุมชน
“วัตถุประสงค์ของโครงการคือ สร้างงาน สร้างรายได้ มิเช่นนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะไปทำกิจกรรมครั้งนี้เพื่อที่จะไปซื้อไฟฟ้าที่แพงขึ้น นั่นคือแนวทางที่ได้ให้ไว้กับ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนฯ ”
ด้านนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า เงื่อนไข หลักเกณฑ์ที่จะมีการหารือในสัปดาห์หน้านั้น จะมีเรื่องของพื้นที่การปลูกพืชพลังงาน ซึ่งจะต้องใช้พื้นที่ประมาณ 500-600 ไร่ ต่อการผลิตไฟฟ้า 1 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้มี 2-3 แห่งที่จังหวัด บุรีรัมย์ ขอนแก่น อุบลราชธานี เท่านั้นที่มีความพร้อม โดยจะมีการแบ่งสัดส่วน เป็นคอนแทรคฟาร์มมิ่ง พืชพลังงานปลูกใหม่ 80 % อีก 20 % เป็นวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร
นอกจากนั้น ยังจะมีการพิจารณาการทบทวนถึงความเหมาะสม การถือหุ้นของวิสาหกิจชุมชน โดยอาจจะปรับให้เป็นการแบ่งรายได้ ผลกำไร ที่ชัดเจน และการถือหุ้น ส่วนพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) คงต้องออกไปทั้งหมด
ส่วนความคืบหน้า นโนบายการการจ้างงานภาคพลังงานตามนโยบายรัฐ ล่าสุด ปตท.เตรียมจ้างงานจำนวน 25,800 อัตรา กฟผ. 2,000 อัตรา และ กองทุนอนุรักษ์พลังงานฯอีก 2,000 อัตรา