5 Big Rock ปฏิรูปพลังงานไทย
คณะกรรมการปฏิรูปฯพลังงาน เตรียมเสนอ 5 Big Rock ปฏิรูปพลังงานไทย และ 3 การไฟฟ้า ผลักดันประเทศเป็น ศูนย์กลางซื้อขาย LNG ของภูมิภาค
หลังจากคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน ได้เปิดเวทีรับฟังความ การปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน ณ เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการปฏิรูปพลังงานด้านต่างๆ โดยเฉพาะ ผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตโควิด-19 ต่อภาคพลังงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 พบว่า
ความต้องการใช้พลังงานลดลง ทั้งด้านการใช้ไฟฟ้าที่ลดลง ทำให้ไทยมีปริมาณสำรองไฟฟ้าสูงขึ้น การใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าก็ลดลง ในด้านความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งภาคอุตสาหกรรมและการขนส่งก็ลดลงเช่นกัน
ซึ่งแน่นอนว่าย่อม ส่งผลต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปยังราคารับซื้อพลังงานทดแทนที่สูงกว่าราคาเชื้อเพลิงหลัก
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานจึงได้เสนอ 5 ประเด็นเร่งด่วน ที่เป็น Big Rock หรือ กิจกรรมที่มีความสำคัญและมีผลกระทบต่อการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงในด้านพลังงานของไทย โดยเร่งโครงการส่วนใหญ่ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วภายในปี 2565
ดร.พรชัย รุจิประภา ประธานกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน ได้อธิบายถึง 5 Big Rock ในการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน ไว้ว่า
กิจกรรมการปฏิรูปข้อที่ 1 เป็นการจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ด้านการกำกับกิจการพลังงาน เพื่อลดระยะเวลาและขั้นตอนการอนุญาตที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน สนองเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ปลดล็อคข้อจำกัดและขั้นตอนการลงทุน สร้างความเชื่อมั่น กระตุ้นการลงทุนด้าน
2 การพัฒนาศูนย์สารสนเทศพลังงานแห่งชาติ (National Energy Information Center: NEIC) เพื่อประโยชน์ต่อการวางแผน/การตัดสินใจเชิงนโยบาย และเป็นศูนย์กลางแหล่งข้อมูลด้านพลังงานที่โปร่งใส แม่นยำ เชื่อถือได้ โดยมีการปรับปรุงเป้าหมายและกิจกรรมเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจนขึ้น ได้แก่ การสร้าง Branding NEIC ให้เป็นที่น่าเชื่อถือ ผ่านการจัดตั้งกลไกกลั่นกรองข้อมูลที่เป็นระบบและมีรูปแบบสื่อสารที่เข้าใจง่าย เพื่อลดการบิดเบือนข้อมูล สร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญผ่านกลไกผู้บริหารสารสนเทศระดับสูง (CIO) ร่วมกับพลังงานจังหวัด สื่อมวลชน และเครือข่าย Social ด้านพลังงาน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าใจข้อมูลด้านพลังงานได้อย่างถูกต้อง ลดความขัดแย้ง และนำมาซึ่งความเชื่อมั่นต่อนโยบายพลังงาน ทั้งนี้ เพื่อลดทอนผลกระทบ Covid-19 และภาระด้านการเงินการคลังประเทศ
3 การใช้มาตรการธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน ESCO ภาครัฐ จึงมีบทบาทสำคัญเพื่อเปลี่ยน “ค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค” เป็น “การจ้างเอกชนมาลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนและอนุรักษ์พลังงานให้อาคารของรัฐ”ทำให้หน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะโรงพยาบาลและโรงเรียนของรัฐ สามารถนำผลประหยัดพลังงานที่เกิดขึ้นจริงมาจ่ายเป็นค่าบริการบริษัทจัดการพลังงาน ผ่านกลไกการรับประกันผลงานและตรวจวัดพิสูจน์ผลโดยบุคคลที่ 3 หรือหน่วยงานให้การรับรอง (Third Party Audit) โดยมีกลุ่มเป้าหมายระยะแรกจำนวน 876 อาคารรัฐ
ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดพลังงานภาครัฐคิดเป็นมูลค่า 2,600 ล้านบาท/ปี ลดงบประมาณด้านซ่อมบำรุงและความเสี่ยงในการจัดซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าและการติดตั้งเทคโนโลยีโซลาร์รูฟที่ไม่มีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) อาทิ ระบบ Censor เครื่องมือ/อุปกรณ์ไฟฟ้าอัจฉริยะ เพื่อต่อยอดไปสู่ Smart home/ Smart Building โดยองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ได้ทำการประเมินว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยสร้างงานใหม่ (Green Job) ให้กับประเทศไทยไม่น้อยกว่า 37,500 ตำแหน่ง ในระยะ 10 ปีข้างหน้า
4 การพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ระยะที่ 4 เพื่อสร้างฐานทางเศรษฐกิจใหม่ (New S-Curve) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรปิโตรเลียม ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขัน เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับประชาชนจากอุตสาหกรรมต่อเนื่อง พร้อมรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต (New S-Curve) ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0
และ 5 ปฏิรูปโครงสร้างกิจการไฟฟ้าและ ก๊าซธรรมชาติ โดยปฏิรูปแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย PDP 2022 ทั้งในด้านการบริหารและโครงสร้างราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม เพื่อเพิ่มการแข่งขันและประสิทธิภาพในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี เปลี่ยนระบบการผลิตจากรวมศูนย์สู่กระจายศูนย์ แยกระบบส่งและศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าออกจากกิจการผลิตไฟฟ้า เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ไฟฟ้ามีทางเลือกมากขึ้น
รวมทั้งการผลิตใช้เองและขายเข้าระบบ พร้อมปฏิรูปการบริหารจัดการของ 3 การไฟฟ้าให้ประสานเชื่อมโยงแผนลงทุน และแผนปฏิบัติการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ส่วนการปฏิรูปด้านก๊าซธรรมชาติจะต้องจัดหาก๊าซฯ ให้มีความต่อเนื่องไม่เกิดการหยุดชะงักทั้งแหล่งอ่าวไทย และแหล่งอื่นๆ รวมถึงเร่งแก้ไขปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างประเทศเพื่อหาแหล่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติม
นอกจากนี้จะต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานที่เกี่ยวข้องให้ประเทศมีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด และกระจายตัวให้ประชาชนเข้าถึงได้มากที่สุด การนำเข้ามาใช้ประโยชน์ต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันในตลาดก๊าซธรรมชาติสร้างโอกาสให้ประเทศเป็นศูนย์กลางซื้อขาย LNG ของภูมิภาค (Regional LNG Trading Hub)
ทั้งนี้คณะกรรมการปฏิรูปฯ จะนำความเห็นนำไปปรับปรุงร่างแผนการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน ฉบับที่ 2 Big Rock ให้สมบูรณ์ ก่อนนำเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างแผนปฏิรูปประเทศประมาณเดือนพฤศจิกายน 2563 และรายงานต่อรัฐสภาเพื่อทราบและประกาศบังคับใช้ต่อไป