WHAUP รุก ธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติ
WHAUP เปิดแผนธุรกิจปี 62 เดินหน้า ให้บริการน้ำ ไฟฟ้า Solar Roof และ ธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติ ทั้งในและต่างประเทศ
นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในปี 2562 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจสาธารณูปโภค ที่มีปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าปริมาณการขายน้ำที่ระดับ 120 ล้านลูกบาศเมตร ส่วนการลงทุนโครงการ Solar Rooftop กับลูกค้า ภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากลูกค้าเริ่มให้ความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งยังสามารถช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานได้อย่างมาก ณ สิ้นปี 2561 บริษัทฯ มีกำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการไฟฟ้าทั้งหมดแล้วจำนวน 521 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างก่อสร้างอีกจำนวน 43 เมกกะวัตต์ ซึ่งจะเปิดดำเนินการจ่ายไฟฟ้าแบบเชิงพาณิชย์ได้ภายในปีนี้ และมีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีการเซ็นสัญญากับลูกค้าแล้วรวม 11.2 เมกกะวัตต์ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยมีกำหนดเปิดดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4/2561 ถึงไตรมาส 3/2562
นอกจากนั้น ในช่วงเดือนธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติโครงการ ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด เอ็นจีดี 2 ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในปีนี้จะรับรู้รายได้จากการให้บริการเต็มปี รวมถึงโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 2/2562 นี้
ส่วนการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะโครงการสาธารณูปโภค ในประเทศเวียดนามนั้น ล่าสุดบริษัทฯได้สิทธิในการดำเนินธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำ ในเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ-1 เหงะอาน ที่ประเทศเวียดนาม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ และคาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3/2562 เช่นกัน
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2561 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 1,708.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6 % เมื่อเทียบจากปีก่อน และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจำนวน 2,047.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7 % โดยในจำนวนนี้ประกอบด้วยกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 55.3 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 2,251.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (Normalized Net Profit) จำนวน 2,267.8 ล้านบาท มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 61.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้การเติบโตเพิ่มขึ้นของผลการดำเนินงานในปี 2561 นั้น เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำของลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรม และจากการขยายตัวของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอทั้งรายเดิมและรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ทั้งปีมีปริมาณการขายน้ำอยู่ที่ระดับ 105 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจาก 100 ล้านลูกบาศก์เมตรในปี 2560 รวมทั้งธุรกิจโรงไฟฟ้าที่มีเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นจำนวน 35 เมกะวัตต์ ส่งผลให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ในปี 2561 อยู่ที่ 521 เมกะวัตต์