ภารกิจสิ้นสุดแล้ว “สนธิรัตน์” เปิดใจอำลา พปชร.
สนธิรัตน์ เปิดใจ หลังแถลงข่าว ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ ระบุ การลาออกครั้งนี้ ไม่ได้มีความขัดแย้งแต่อย่างใด ภารกิจที่ได้ทำไว้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ตามความตั้งใจ จึงถือว่าภารกิจสิ้นสุดแล้ว
หลังจาก วันนี้ (9 ก.ค.) เวลา 12.30 น. กลุ่ม 4 กุมาร พรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ,นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ,นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม อดีตรองหัวหน้าพรรค และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกฯ อดีตกรรมการบริหารพรรค แถลงลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
ล่าสุด นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงสาเหตุการลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ โดยระบุว่า
“สวัสดีครับ วันนี้ผมขออนุญาตใช้พื้นที่นี้สื่อสารกับทุกท่านครับ ผมเริ่มต้นเข้ามาทำงานการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ ด้วยความหวังอยากเห็นการเมืองไทยพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ก้าวพ้นความขัดแย้งและการเมืองรูปแบบเก่า โดยให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมตามแนวทางประชารัฐ คือ รัฐ เอกชน ประชาชน ร่วมกันพัฒนาประเทศชาติ ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาอย่างตรงจุด ตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริงครับ
การทำงานการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ ที่ผ่านมาเป็นไปด้วยดีครับ เป็นที่ยอมรับของประชาชนจนสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ แสดงให้เห็นว่าประชาชนให้ความไว้วางใจ ยอมรับในนโยบายของพรรค อยากเห็นประเทศชาติเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ก็คือ การเมืองที่สงบ ปราศจากความขัดแย้ง อันจะนำไปสู่การพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน ผมเห็นว่าภารกิจต่างๆ ที่ได้เริ่มต้นไว้นั้น สำเร็จลุล่วงด้วยดีตามความตั้งใจแรกเริ่ม และพรรคพลังประชารัฐได้ก้าวผ่านมาถึงการเปลี่ยนแปลงในวันนี้ จึงถือว่าภารกิจของผมสิ้นสุดแล้ว
ความเหมาะสมในการบริหารงานเป็นเรื่องของช่วงเวลาและสถานการณ์ครับ ซึ่งผมเองมีความภาคภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้นำพรรคผ่านสนามการเลือกตั้ง จนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทำให้พรรคพลังประชารัฐได้มีโอกาสทำงานรับใช้ประชาชน ซึ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทำให้ผมตระหนักและระลึกอยู่เสมอว่าจะต้องทำงานช่วยเหลือประชาชนให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจ
วันนี้ผมลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ได้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มกำลัง ซึ่งการลาออกครั้งนี้ ไม่ได้มีความขัดแย้งแต่อย่างใด และผมก็ยังจะให้การสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง เพียงแต่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเท่านั้น
สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ คือ การทำหน้าที่ฝ่ายบริหารเพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากโรคระบาดโควิด-19 โดยตั้งเป้าหมายว่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นที่พอใจของประชาชนมากที่สุด โดยจะทำงานร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รับฟังเสียงของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด ตอบสนองความต้องการของประชาชน
ขอบคุณพี่น้องประชาชน ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกพรรค ที่ให้การสนับสนุนผมมาโดยตลอด ขอบคุณสื่อมวลชนที่คอยติดตามผลงานของผมในพรรคมาอย่างต่อเนื่อง การได้ร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐถือเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ เป็นความทรงจำที่ล้ำค่า ขอบคุณครับ”